โซล 19 ม.ค.- น.ส.จอง ฮยอนแบก รัฐมนตรีความเท่าเทียมทางเพศและครอบครัวเกาหลีใต้ชี้ว่า บทบาทในครอบครัวและวัฒนธรรมการทำงานหนักเป็นปัจจัยที่ทำให้สตรีเกาหลีใต้ไม่อยากมีบุตรหรือไม่อยากแต่งงาน แม้ว่าทางการพยายามแก้ปัญหาอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำที่สุดในโลกอยู่ก็ตาม
น.ส.จองวัย 64 ปี อดีตอาจารย์ประวัติศาสตร์เผยว่า เธอเองครองตัวเป็นโสดเพราะอยากทำงานตามที่หวัง การทำงานวิชาการโดยที่ต้องเลี้ยงลูกดูแลครอบครัวไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเหตุผลว่าทำไมอาจารย์สตรีจำนวนมากยังจึงเป็นโสดทั้งที่อายุล่วงเลยเข้าสู่วัย 50 หรือ 60 ปี ผู้เชี่ยวชาญพากันโทษว่า ค่าที่พักอาศัยและค่าเลี้ยงดูเด็กที่สูงขึ้น ประกอบกับความกลัวตกงานทำให้สตรีไม่อยากมีบุตร แต่เธอมองว่า สาเหตุที่แท้จริงคือความไม่เท่าเทียมทางเพศและการทำงานหนัก
น.ส.จองระบุว่า เกาหลีใต้มีชั่วโมงการทำงานสูงเป็นอันดับสองในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ขณะที่บริษัทหลายแห่งมักกดดันให้พนักงานตั้งครรภ์ลาออกเพื่อไม่ต้องจ่ายเงินเดือนช่วงลาคลอด สตรีที่กลับมาทำงานหลังคลอดก็มักไม่มีโอกาสก้าวหน้า หากยังไม่แก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง อนาคตเกาหลีใต้ก็จะเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากแต่งงาน จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีลูก
เกาหลีใต้มีอัตราเจริญพันธุ์ซึ่งหมายถึงจำนวนบุตรที่คาดว่าสตรีแต่ละจะมีได้โดยเฉลี่ยที่ 1.17 เมื่อปี 2559 เป็นอัตราต่ำที่สุดในโลกและต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของโลกที่ 2.4 คาดว่าปี 2560 ตัวเลขของเกาหลีใต้จะลดลงเหลือ 1.07 เพราะมีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึง 400,000 คนเป็นครั้งแรก มีการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรเกาหลีใต้จะเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2593 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 50 ล้านคน
ประธานาธิบดีมุน แจอินกล่าวเมื่อวันขึ้นปีใหม่ว่า จะลดชั่วโมงทำงานและสร้างสังคมที่สตรีสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่หวังไปพร้อมกับการมีครอบครัวมีลูก รัฐบาลของเขามีรัฐมนตรีหญิง 5 คนจากทั้งหมด 19 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังกำหนดโควตาตำแหน่งผู้บริหารในหน่วยงานและบริษัทของรัฐให้แก่สตรีแต่ไม่บังคับ เพิ่มเงินจูงใจให้พนักงานชายลาเลี้ยงลูก เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สตรีที่มีลูกโดยไม่ได้แต่งงาน.-สำนักข่าวไทย