นนทบุรี 15 ม.ค.-พาณิชย์ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ยกระดับร้านค้าชุมชน ใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการ และพัฒนามาตรฐานสินค้า ไปสู่การเป็น “ร้านค้าประชารัฐไฮบริด”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงาน “สร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานราก” ได้รวบรวมผู้ประกอบการแฟรนไชส์ ผู้ผลิตสินค้าจากสมาชิกเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน และเอสเอ็มอี – โอทอป กว่า 200 ราย นำสินค้ามาจำหน่าย รวมทั้งยังได้เชิญผู้ซื้อ จำนวน 14 ราย เช่น ห้างโลตัส บิ๊กซี เซ็นทรัล และเดอะมอล์ เป็นต้น มาร่วมเจรจาธุรกิจ และยังได้จัดพื้นที่คลินิกให้คำปรึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการพัฒนาแพ็คเกจจิ้ง เป็นต้น ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้จัดขึ้น ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 17 มกราคมนี้ ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นการเปิดตลาดให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น และขยายช่องทางการขายสู่ห้างค้าปลีก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงาน ยังได้ลงนามความร่วมมือ “การพัฒนายกระดับร้านค้าชุมชน” เพื่อต่อยอดร้านไปสู่ “ร้านค้าประชารัฐไฮบริด” โดยจะร่วมกันพัฒนาร้านค้าชุมชน ให้นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการลดระยะเวลา และค่าใช้จ่าย รวมถึงความยุ่งยากในการชำระเงินและส่งสินค้า โดยเฉพาะการจ่ายเงินด้วยระบบออนไลน์ และการชำระบิล ผ่าน คิวอาร์โค้ด เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับร้านค้าสมัยใหม่ หรือ ห้างโมเดิร์นเทรด ได้ รวมทั้งปรับตัวให้ดำเนินธุรกิจบนช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ รองรับการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของประเทศ
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์ มีกลไกพัฒนาร้านโชห่วยทั่วประเทศให้เพิ่มศัพยภาพ เพื่อเข้าร่วมโครงการร้านค้าประชารัฐ แล้ว 20,000 แห่ง และภายในเดือนมีนาคมนี้ จะมีเพิ่มอีก 20,000 แห่ง ในจำนวนนี้ จะเป็นร้านค้าชุมชนของกองทุนหมู่บ้านฯ มาร่วมโครงการประมาณ 10,000 แห่ง ซึ่งจะเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่รวมทั้งหมดถึง 40,000 ร้านค้า ที่จะรองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และรองรับสินค้าภายในชุมชนของแต่ละพื้นที่เข้ามาจำหน่าย โดยได้ตั้งเป้าหมาย จะพัฒนาศักยภาพร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นร้านประชารัฐไฮบริด เตรียมพร้อมสู่การค้าอีคอมเมิซ ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ร้านภายในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าธงฟ้าที่จำเป็นในราคาถูกแล้ว ยังจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้หมุนเวียนดีขึ้นได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย