สุราษฎร์ธานี 11 ม.ค.-แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อข้าราชการเกษียณที่สุราษฎร์ธานีว่าพัวพันยาเสพติด ให้โอนเงินกว่า 4 แสนบาท เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินผ่าน ATM แต่ฉุกคิดได้จึงแจ้งตำรวจอายัดเงินไว้ทัน
เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นางวจิรา กลับรินทร์ อายุ 60 ปี ชาว ต.หัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ข้าราชการเกษียณ (อดีตจนท.ฝ่ายปกครอง) เข้าพบ พ.ต.อ.กฤศ โอสถาพันธุ์ ผกก.สภ.พุนพิน เพื่อเล่าเหตุการณ์เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกให้โอนเงินกว่า 4 แสนบาท แต่โชคดีที่ตำรวจ สภ.พุนพิน ช่วยเหลือแจ้งอายัดไว้ได้ทันในช่วงเสี้ยววินาที หลังจากที่โอนเงินไปแล้ว
นางวจิรา เล่าว่า เมื่อวานตนเองได้รับโทรศัพท์แจ้งชื่อว่าจาก ร.ต.อ.พูนทรัพย์ มีลาภ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด แจ้งว่าตัวเองเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ บอกด้วยว่าตอนนี้ ตนขับรถฟอร์จูนเนอร์อยู่จะอายัดรถด้วย ตนจึงบอกไปว่ารถยังผ่อนอยู่ จากนั้นคนที่โทร.มาบอกว่า มีเงินเท่าไรให้ไปถอนมา แล้วโอนเข้าบัญชีเพื่อตรวจสอบ จากนั้นจะโอนคืนให้ ด้วยความกลัว รวมถึงเกรงว่าญาติพี่น้องจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย จึงขับรถไปโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาพุนพิน โดยตอนแรกมิจฉาชีพบอกว่าจะไปโอนให้ในธนาคาร แต่คนที่โทรมาบอกว่า ให้ไปถอนเงินสดมาทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม โดยโอนเข้าบัญชีที่เขาแจ้งมารวม 6 ครั้ง จนครั้งสุดท้ายกำลังใส่เงินสดธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทใบสุดท้าย จึงฉุกคิดได้ และโทรศัพท์หาตำรวจคนหนึ่งที่รู้จักกัน สภ.พุนพิน ก่อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง กระทั่งนายตำรวจคนสนิทได้บอกอย่างรวดเร็วว่า ให้ไปที่โรงพักด่วนเพราะถูกหลอกแล้ว จากนั้นตำรวจได้ดำเนินการแจ้งอายัดไว้ทันในช่วงเสี้ยววินาที โดยที่ยังไม่ได้สูญเงินไป จึงอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์อย่างได้หลงเชื่อ หากมีคนโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าพัวพันยาเสพติด เพื่อหลอกให้โอนเงิน
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤศ โอสถาพันธุ์ ผกก.สภ.พุนพิน กล่าวว่า นับว่าผู้เสียหายรายนี้ยังโชคดีที่ตำรวจช่วยอายัดเงินไว้ได้ทัน จึงฝากเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ สำหรับเลขบัญที่หลอกให้นางวจิราโอนเงิน ตำรวจตรวจสอบพบว่า เจ้าของบัญชีเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา และเข้าใจว่าอาจถูกว่าจ้างไปเปิดบัญชีหรือจากสาเหตุอื่นๆ จึงประสานตำรวจกองบังคับการปราบปรามเข้าตรวจสอบแล้ว.-สำนักข่าวไทย