รัฐสภา 1ม.ค. – สุรชัย ไม่ยืนยันมีเลือกตั้งปี 61 ระบุ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธกระแสข่าว สนช. คว่ำร่างกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว.
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2561 ว่า ทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบเวลาตามโรดแมป ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และยังไม่มีเหตุใดที่จะทำให้กรอบเวลาคลาดเคลื่อนไป โดยมั่นใจว่า งานในความรับผิดชอบของ สนช. จะสามารถดำเนินการได้ตามเวลา ส่วนจะมีการเลือกตั้งแน่นอนหรือไม่นั้น นายสุรชัย ยอมรับว่า ส่วนตัวไม่สามารถยืนยันได้ แต่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติยืนยันว่า การเลือกตั้งยังต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และสามารถเริ่มนับ 1 ได้ก็ต่อเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลใช้บังคับ
นายสุรชัย ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า สนช. อาจลงมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือ ร่างกฎหมายลูกการได้มาซึ่ง ส.ว. ฉบับใดฉบับหนึ่งว่า ยังไม่มีกระแสข่าวดังกล่าว เพราะร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ยังไม่เสร็จสิ้น อยู่ในชั้นกรรมาธิการฯ จึงขอให้รอข้อสรุปการแก้ไขของกรรมาธิการว่าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อมั่นว่า จะไม่น่าถึงขั้นที่กรรมาธิการฯ ตกลงกับ สนช. ไม่ได้
สำหรับกรณีที่ คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 53/2560 เพื่อแก้ไขบทเฉพาะกาลในร่างกฎหมายพรรคการเมือง ขยายกรอบเวลาการดำเนินการต่าง ๆ ของพรรคการเมืองไปจนถึงประมาณเดือนตุลาคม จนอาจจะกระทบการเลือกตั้งที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือไม่นั้น นายสุรชัย ระบุว่า ระยะเวลาดังกล่าว ถือเป็นระยะเวลาสูงสุด ที่คำสั่งขยายระยะเวลาออกไป เพื่อชดเชยกรอบเวลาที่ คสช. ยังไม่ปลดล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม แต่เมื่อกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลใช้บังคับแล้ว ก็จะเริ่มนับ 150 วันสู่การเลือกตั้ง
นายสุรชัย ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาจากเสียงสะท้อนของพรรคการเมืองต่อคำสั่งดังกล่าวว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และรีเซ็ตพรรคการเมืองทางอ้อมว่า สนช. จะต้องนำข้อมูลในประกาศทั้งฉบับ มาดูเจตนารมณ์ และนำความเห็นของพรรคการเมืองมาพิจารณาทั้งหมด ว่าจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขร่างกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนหากจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขนั้น จะต้องหารือในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. และให้ คสช. รับทราบ ว่า คสช. จะให้คณะรัฐมนตรี เสนอแก้ไขกลับมาหรือไม่
“ผมยังยืนยันว่า การพิจารณาร่างกฎหมายลูก ส.ส. และ ส.ว. ยังจะต้องพิจารณาตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ เป็นสำคัญ ไม่ใช่ยึดตามคำสั่ง ม.44 ที่แก้ไขบทเฉพาะกาลของกฎหมายพรรคการเมือง หรือเจตนารมณ์ส่วนตัวของใคร”นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย ยังยอมรับถึงเสียงท้วงของมาตรฐานการพิจารณาวาระการดำรงอยู่ของกรรมการองค์กรอิสระที่บางองค์กร สนช. ปรับแก้ให้อยู่ต่อ หรือบางองค์กร สนช. ก็ยึดตามหลักการของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ว่า สนช. พร้อมรับฟังเสียงท้วงติงทุกฝ่าย และได้สอบถามเหตุผลของกรรมาธิการฯ ที่พิจารณากฎหมายแต่ละฉบับ และฟังเหตุผลของ กรธ. ที่ยึดเหตุผลจากภารกิจขององค์กร เมื่อยึดภารกิจขององค์กร และการตีความในมาตรา 273 ของรัฐธรรมนูญที่ให้ สนช. ใช้ดุลยพินิจว่าองค์กรใดควรอยู่ต่อต่อไป ผลการพิจารณาจึงออกมาในลักษณะที่เห็น ส่วนอนาคตจะเป็นปัญหาการทำงานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของแต่ละองค์กร ซึ่งจะเป็นตัวพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าการอยู่ทำหน้าที่ต่อ จะเป็นประโยชน์ หรือไม่.-สำนักข่าวไทย.