fbpx

ตร.เตรียมออกหมายจับหนุ่มขับบีเอ็มดับเบิลยูใช้อาวุธคุกคามคู่กรณี

กทม. 29 ธ.ค.-เปิดภาพกล้องติดหน้ารถ หนุ่มขับบีเอ็มดับเบิลยูคว้าดาบยาวคุกคามคู่กรณี ขณะที่ ผกก.สน.บุคคโล เผยกำลังรวบรวมหลักฐาน เตรียมออกหมายจับ


เฟซบุ๊ก “เฮียขับรถ” โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 3.50 นาที เป็นภาพจากกล้องติดหน้ารถคันหนึ่ง โดยข้อมูลจากกล้องระบุว่าเป็นเหตุการณ์เมื่อช่วงเวลา 21.30 น. ของวันที่ 27 ธ.ค. 60 ในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากคลิปปรากฏภาพรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว พยายามเบียดขับรถจี้แย่งทางรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส สีดำ บริเวณทางเลี้ยว แต่ว่าไม่สำเร็จ ก่อนที่ผู้ขับขี่รถยนต์ฮอนด้าแจ๊สจะลงจากรถมาดูว่ารถของตัวเองได้รับความเสียหายหรือไม่ 


ทั้งนี้ เมื่อคนหนุ่มร่างท้วมผู้ขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูลงมาจากรถ ได้เกิดการต่อปากต่อคำกันจนทำให้ผู้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูหันไปเปิดท้ายกระโปรงรถ และหยิบอาวุธเป็นดาบยาวคล้ายดาบซามูไรออกมา ก่อนจะถอดดาบออกจากปลอก และยกดาบชี้ไปยังผู้ชายและผู้หญิงที่เปิดประตูออกมาจากที่นั่งผู้โดยสารด้านท้ายเพื่อห้ามปราม จากนั้นหนุ่มผู้ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูได้พยายามใช้ดาบคุกคามหนุ่มและผู้หญิงผู้โดยสารรถคู่กรณีอยู่หลายครั้ง ทั้งเดินไปท้าทายผู้ขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊สที่หลบเข้าไปนั่งปิดประตูที่ฝั่งคนขับ โดยเหตุการณ์หวาดเสียวดำเนินอยู่ประมาณ 1 นาที จนทั้ง 2 ฝ่ายขับรถแยกกันไป


ล่าสุดที่ สน.บุคคโล ผู้หญิงและผู้ชายที่ถูกหนุ่มขับบีเอ็มดับเบิลยูคุกคามได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน และนำภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างมามอบไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับเล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้สื่อข่าว ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้คำหยาบคายหรือต่อว่าหนุ่มขับบีเอ็มดับเบิลยู และยอมรับว่าตอนนั้นตนตกใจมาก 

พ.ต.อ.ธวัชชัย ศรีสุรางค์ ผกก.สน.บุคคโล เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 แล้ว พร้อมกับได้ให้ทั้งคู่ชี้ตัวเพื่อยืนยันผู้ก่อเหตุตามที่ปรากฏภายในคลิป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะออกหมายจับต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้

ผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นไม่ผ่านเกณฑ์ ส่ง พฐ.ร่วมตรวจพิสูจน์

สพฐ. เผยผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ทั้งภาค ก. ภาค ข. และไม่ติด 1 ใน 10 ส่งข้อสอบให้ พฐ. ตรวจพิสูจน์เพื่อความโปร่งใส