“สมคิด” สั่งพาณิชย์ศึกษาดึงยางพาราเป็นสินค้าควบคุม

นนทบุรี 20 ธ.ค. – รองนายกรัฐมนตรีสั่งกระทรวงพาณิชย์ศึกษาเตรียมดึงยางพาราให้เป็นสินค้าควบคุม หวังลงไปดูและจัดการสตอกยางพาราทั้งระบบ พร้อมกำชับผู้บริหารจะต้องทำงานเป็นทีมกับหน่วยงานอื่น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไปในทางเดียวกัน เปิดทางดึงอดีตข้าราชการมาเสริมทัพ


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมติดตามงาน พร้อมมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ โดยได้สั่งการให้ดูแลราคาสินค้าเกษตรสำคัญของไทย หลังจากสินค้าข้าวสามารถบริหารจัดการสตอกได้ ทำให้ไม่ประสบปัญหาด้านราคา แต่ขณะนี้ยางพารากำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ จึงต้องหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาหากมีความจำเป็นให้นำยางพารามาเป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้มีการตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนและสามารถสตอกอย่างสม่ำเสมอ เพราะสินค้ากลุ่มนี้ราคาในตลาดจะขึ้นอยู่กับปริมาณสตอกเป็นหลัก รวมทั้งต้องช่วยขยายตลาดให้กับสินค้าเกษตรด้วย

ส่วนการส่งออก จะต้องเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่องปีหน้า หลังแนวโน้มการส่งออกยังขยายตัว โดยเบื้องต้น มูลค่าการส่งออกเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาขยายตัวถึงร้อยละ 13.36 ทำให้ในช่วง 11 เดือนของปี 2560 โตถึงร้อยละ 10.1 แล้ว เหลืออีกเพียง 1 เดือน ทำให้มีโอกาสทั้งปีนี้จะขยับใกล้เคียงที่ร้อยละ 10 ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอี เข้ามาเพิ่มสัดส่วนการส่งออกของไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันให้ดึงผู้เชี่ยวชาญที่เป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในยุคก่อน ๆ เข้ามาร่วมตั้งคณะที่ปรึกษา ทำแผนยุทธศาสตร์ เน้นการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจเป็นรายเมืองและรายประเทศ ก่อนจัดทีมไปโรดโชว์ โดยเฉพาะตลาดยุโรปจะต้องเตรียมแผนเจรจาทวิภาคี จัดลำดับความสำคัญรายประเทศและประเภทสินค้าไว้ให้ชัดเจน แต่ที่เร่งด่วนเดือนมกราคมนี้จะมีคณะนักลงทุนจากประเทศจีนเดินทางมาเยือนไทยในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะต้องมีแผนการเจรจาโดยไม่เน้นเฉพาะการแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้น แต่จะต้องมองโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในอนาคต เช่น เส้นทางสายไหมเส้นใหม่ หรือวันเบลล์วันโรดที่จะเชื่อมโยงกับไทยด้านไหนบ้าง เพื่อให้เกิดเป็นความตกลงกันได้ทันที


นอกจากนี้ แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เร่งประสานการทำงานกับกระทรวงการท่องเที่ยว และภาคเอกชนพัฒนาตลาดและพัฒนาสินค้าชุมชน รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งพัฒนาร้านค้าโชห่วยสู่อี-คอมเมิร์ซ ต่อยอดสินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยใช้แพลตฟอร์มของไทยอย่าง Thaitread.com มาใช้ประโยชน์ให้เทียบได้กับลาซาด้า นอกจากนี้ ขยายร้านค้าโชห่วยเข้าร่วมโครงการสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม จากปัจจุบันคัดเลือกไว้แล้ว 20,000 ร้านค้า แต่ยังมีร้านโชห่วยที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงอีกกว่า 20,000 ร้านให้เร่งคัดเลือก และหารือกับกระทรวงการคลัง ของบประมาณเพิ่มมาติดตั้งเครื่องรูดบัตรที่สามารถขยายการค้าชุมชนได้อีกทางหนึ่ง และยังช่วยให้การจับจ่ายในร้านโชห่วยคึกคัก  ทั้งนี้ อยากให้ทุกเรื่องเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนภายใน 3 เดือนและจะติดตามงานทุกเดือนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ