กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

ก.ต่างประเทศ 6 ต.ค. – กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอน รวมถึงประเทศใกล้เคียง ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และยังมีแนวโน้มยกระดับขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ว่า ในวันนี้ (6 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดการประชุมประเมินสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า กระทรวงฯ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ซึ่งเป็นจุดติดต่อกับเลบานอน ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ติดต่อกับชุมชนไทยในเลบานอนมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมา กรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สอบถามความประสงค์ในการอพยพ รวมถึงให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทยเป็นรายกรณีตลอดมา พร้อมทั้งสนับสนุนให้ครอบครัวคนไทยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ไปยังพื้นที่ปลอดภัยในเลบานอน โดยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเบรุตแล้ว และมีคนไทย 1 ราย พร้อมครอบครัว ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างการประสานงานกับนายจ้าง เพื่อช่วยเหลือพนักงานร้านนวดไทยอีก 5 คน ที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยอีกว่า ยังมีคนไทยอีกประมาณ 100 คน ซึ่งหลายคนมีครอบครัวและตั้งรกรากอยู่ในเลบานอน แต่ขาดการติดต่อกับญาติในประเทศไทย จึงประสงค์จะอยู่ในพื้นที่ เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และติดต่อประสานงานกับคนไทยทุกคน ร่วมกับกงสุลกิตติมศักดิ์ในเลบานอน เพื่อแจ้งพัฒนาการของเหตุการณ์อยู่เสมอ จึงยืนยันได้ว่า กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตฯ มีแผนรองรับในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงแผนอพยพคนไทยในเลบานอนไว้พร้อมแล้ว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังแนะนำว่า สถานการณ์ยังมีแนวโน้มตึงเครียด และอาจบานปลายมากขึ้น กระทรวงการต่างประเทศ ขอแนะนำคนไทยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยสูง พิจารณาเดินทางออกจากพื้นที่ในขณะที่สถานการณ์ยังอำนวย ยังมีเที่ยวบิน และน่านฟ้ายังเปิดอยู่ และสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าไปในประเทศ หรือพื้นที่ที่กำลังมีความขัดแย้ง โดยเฉพาะตอนเหนือของอิสราเอลและเลบานอน ขอให้พยายามหลีกเลี่ยง หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้.-312-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”