กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.-ความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ ปีนี้ประเทศไทยได้รับข่าวดีหลายครั้ง เพราะอันดับของประเทศไทยดีขึ้น โดยเฉพาะการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจของธนาคารโลก ที่อันดับประเทศไทยดีขึ้นถึง 20 อันดับ ซึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน แก่สถาบันที่จัดอันดับ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนอันดับประเทศไทยดีขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศจัดทำโดย 3 สถาบัน คือ สถาบันการจัดการนานาชาติ หรือ IMD สภาเศรษฐกิจโลก หรือ WEF และธนาคารโลก ซึ่งในปีนี้อันดับความสามารถการแข่งขันของไทยดีขึ้นทั้งหมด
เริ่มจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโดย IMD ไทยมีผลที่ดีขึ้นทั้งคะแนนและอันดับ คะแนนรวม 80.095 เปรียบเทียบกับ 74.681 ในปี 2559 และมีอันดับที่ดีขึ้น จากอันดับที่ 28 เป็นอันดับที่ 27 ในปีนี้ ซึ่งเมื่อพิจารณาคะแนนที่ประเทศไทยได้รับจะเห็นได้ว่ามีคะแนนที่สูงขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
เช่นเดียวกับดัชนีความสามารถทางการแข่งขันระดับโลกที่จัดโดย WEF ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 32 ดีขึ้นจากอันดับที่ 34 โดยด้านที่มีอันดับที่ดีขึ้นมากที่สุด คือ ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพดีขึ้น และที่เห็นการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ การจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจัดโดยธนาคารโลก ประจำปี 2561 อันดับประเทศไทยดีขึ้นถึง 20 อันดับ จากอันดับที่ 46 เป็นอันดับที่ 26 โดยเฉพาะความสำเร็จในการลดขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจาก 25.5 วัน เหลือเพียง 2 วัน ซึ่งอันดับที่ดีขึ้นเป็นความสำเร็จในการร่วมมือของทุกภาคส่วน
รัฐบาลตั้งคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนกำหนดแนวทางการพัฒนาในระยะ 20 ปี บรรจุในยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมให้ความสำคัญกับข้อมูล ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วย สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย พร้อมปรับปรุงระบบข้อมูลตัวชี้วัดให้ครบถ้วน ถูกต้อง และแม่นยำมากขึ้นทุกมิติ เพื่อจะส่งผลดีต่ออันดับของประเทศไทยในอนาคต
การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ให้อันดับประเทศดีขึ้นในทุกๆ ปี และให้อันดับประเทศไทยกลับขึ้นมาเป็นที่ 1 ในอาเซียน.-สำนักข่าวไทย