fbpx

รมว.แรงงานไทย-ออท.สปป.ลาว หารือเร่งพิสูจน์สัญชาติ

ก.แรงงาน 14 ธ.ค.-รมว.แรงงาน หารือร่วม ออท.สปป.ลาวประจำประเทศไทย เตรียมประสานทางการลาว ออกหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐบาล สปป.ลาว พิจารณาจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวในไทย อำนวยความสะดวกนายจ้างและแรงงานไม่ต้องกลับประเทศต้นทาง พร้อมให้บริการเบ็ดเสร็จในประเทศไทยเหมือนเมียนมาและกัมพูชา


พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทยและคณะ ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน วันนี้ (14 ธ.ค.) ว่าได้หารือกับท่านทูตลาวเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว กลุ่มบัตรสีชมพูและกลุ่มใบจับคู่ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานของฝ่ายไทยและฝ่ายลาว ซึ่งจากการตรวจสอบการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวที่ผ่านมาพบว่าแรงงานสัญชาติลาวที่จดทะเบียนบัตร    สีชมพู มีจำนวนทั้งสิ้น71,521รายผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว 17,024 ราย คงเหลือ 54,497รายและกลุ่มใบจับคู่ (MOU) มีจำนวนทั้งสิ้น 87,792 ราย จึงได้เสนอเป็นหลักการให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวกลุ่มใบจับคู่ จากเดิมที่ต้องเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทาง เพื่อดำเนินการกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยในรูปแบบ MOU นั้น สามารถดำเนินการเบ็ดเสร็จที่ประเทศไทย ไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน 


พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของการให้บริการระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ให้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา เพื่อให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ท่านทูตลาวได้รับหลักการดังกล่าวไว้พิจารณา โดยขอให้ทางรัฐบาลไทยทำหนังสือและจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อนำเรียนทางการสปป.ลาวต่อไป


“รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวให้หมดไป และพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่อยู่ที่เงื่อนไขและนโยบายของประเทศต้นทางด้วย อย่างไรก็ตามกระทรวงแรงงานจะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย