กทม.ติดป้ายห้ามใช้อาคารหรู ซอยร่วมฤดี

กทม.31 ต.ค.-กทม.ติดป้ายห้ามใช้อาคารดิเอทัส ซอยร่วมฤดี ตั้งแต่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นต้นไป ฝ่าฝืนปรับวันละ 3 หมื่นบาท ก่อนทุ่มเงินเกือบ 200 ล้าน รื้ออาคารทั้งหมดปลาย ก.พ.2561  


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการรื้อถอนอาคารโรงแรมดิเอทัส สูง 24 ชั้น และอาคารเซอร์วิส อพาร์ตเม้นท์ ดิเอทัส เรสซิเด้นซ์ สูง 18 ชั้น ของบริษัทลาภประทาน จำกัดและบริษัท ทับทิมทร จำกัด ที่ตั้งอยู่ภายในซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 เนื่องจากก่อสร้างสูงเกินกว่าที่กฎหมายควบคุมอาคารกำหนด เพราะซอยร่วมฤดี ความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร อาคารที่สร้างจะต้องสูงไม่เกิน 8 ชั้น  


พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งพิพากษาให้รื้อถอนอาคารดังกล่าว กทม.โดยสำนักงานเขตปทุม ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นสิทธิที่เจ้าของอาคารจะสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เราต้องรอผลอุทธรณ์ จนในที่สุดเมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ ได้มีมติไม่รับพิจารณาคำร้อง สำนักงานเขตฯ จึงดำเนินการติดป้ายประการห้ามใช้อาคาร ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามทางสำนักงานเขตจะกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อ สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อเจ้าของและผู้ใช้อาคารโดยปรับตามกฎหมายกำหนดคือวันละ ไม่เกิน 30,000 บาท 


ผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อว่า ส่วนการรื้อถอนอาคาร ยืนยัน กทม.จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล ซึ่งขณะนี้สำนักงานเขตปทุมวัน มอบหมายให้สำนักการโยธาคำนวณค่าใช้จ่าย ในการรื้อ ซึ่งในส่วนของโรงแรมมีค่าใช้จ่ายในการรื้อ 102 ล้านบาทและอพาร์ตเม้นท์จำนวน 96 ล้านบาท รวมทั้งหมด 198 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอเบิกเงินจากกระทรวงการคลัง ก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหาผู้รับเหมาที่มีความสามารถในการรื้ออาคารขนาดใหญ่ โดยคาดทุกกระบวนการจะเสร็จและพร้อมดำเนินการรื้อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ส่วนค่ารื้อถอนทั้งหมดทาง กทม.จะฟ้องเรียกคืนจากเจ้าของอาคาร 

ด้านนายธนราช ภิญโญสวัสดิ์สิทธิ์  ทีมกฎหมายของอาคารดิเอทัส ยืนยัน ทางเจ้าของอาคารยินยอมปฏิบัติตามกฎหมาย แต่จะงดใช้อาคารหรือไม่ขอหารือกับผู้บริหารก่อน  เนื่องจากในส่วนของอพาร์ตเม้นต์ส่วนใหญ่มีสัญญาเช่าต่อเนื่อง อาจให้ผู้เช่าออกไม่ได้ แต่ทางเจ้าของอาคารยินดีจ่ายค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามแม้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รื้ออาคาร แต่ยืนยันจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะการขออนุญาตก่อสร้างทั้ง 2อาคารถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดทุกอย่างและจะยื่นหลักฐานใหม่ที่พิสูจน์ได้ว่าซอยร่วมฤดีความกว้าง10 เมตรจริงต่อศาลด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก