เจ้าของร้านซักรีดเล่านาทีระทึกอาคารรื้อถอนถล่ม

กรุงเทพฯ 8 พ.ค.-เจ้าของร้านซักรีดเล่านาทีระทึก อาคารรื้อถอนถล่มหนีตาย ด้านหัวหน้าคนงานยอมรับใช้รถแบ็กโฮกระชากอาคารจริง จนถล่ม


เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ คนงานบริษัทรื้อถอนเข้าเก็บขวดและเศษปูนจากอาคารที่ถล่มลงมาระหว่างรื้อถอน จนกระจัดกระจายเกลื่อนทางเท้าและผิวการจราจร บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 93 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุอาคารพาณิชย์ 7 คูหา ถล่มจากการรื้อถอนของผู้รับเหมา เคราะห์ดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่บางส่วนของอาคารพาดถล่มใส่อาคารพาณิชย์ของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย

นางวิไลลักษณ์ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านซักรีด ที่อยู่ติดกับอาคารที่ถล่ม พาทีมข่าวขึ้นไปสำรวจความเสียหายบริเวณชั้น 2 ของร้าน พบว่ากำแพงของอาคารที่ถล่มพาดทับลงมาทำหลังคาพังเป็นรูขนาดใหญ่ และมีเศษหินเศษปูน เศษไม้และสังกะสีจำนวนมากหล่นใส่ร้าน ทำให้เสื้อผ้าลูกค้าและทรัพย์สินทั้งหมดเสียหาย ส่วนชั้นล่างที่เป็นห้องครัว ก็มีเศษปูนจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถใช้งานห้องครัวได้ ซึ่งนางวิไลลักษณ์ เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้มานาน 40 ปี ซึ่งก่อนหน้าผู้รับเหมาก็ไม่ได้มีการมาแจ้งอะไร จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้า เวลาประมาณ 08.00 น. ผู้รับเหมาแจ้งว่าจะมีการรื้อถอนอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว เพื่อเวนคืนที่ให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 1 ก่อสร้างทางยกระดับและถนนฝั่งธนบุรี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเสียงรบกวนมาถึงอาคารรอบข้าง ตนเองจึงไม่ได้มีการท้วงติงและรับทราบ โดยคิดว่าจะมีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เนื่องจากบ้านตนเองนั้นอยู่ติดกับอาคารที่รื้อถอน แต่สุดท้ายตนเองก็ไม่เห็นมีการนำอะไรมากั้น และระหว่างที่ตากผ้าอยู่บริเวณชั้น 1 จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น ตนเองรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงตึกถล่มอย่างแน่นอน เเต่ไม่คิดว่าจะส่งผลทำให้บ้านตนเองเสียหายอย่างหนัก เคราะห์ดีที่ภายในบ้านมีเพียงตนเองเเละสามีอยู่ ส่วนลูกออกไปทำงาน จึงตัดสินใจวิ่งหนีออกมา ก่อนจะเห็นกลุ่มควันฟุ้งตลบอบอวล


เบื้องต้นตนเองได้พูดคุยกับผู้รับเหมา เนื่องจากบ้านพังเสียหาย ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ประกอบกับหวาดกลัวว่าอาคารจะถล่มลงมาซ้ำอีก ผู้รับเหมาจึงจะให้ตนเองย้ายออกไปพักที่อื่นชั่วคราว ส่วนค่าเสียหายต่าง ๆ ทางบริษัทผู้รับเหมาจะรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด

ด้านนางนงลักษณ์ อายุ 34 ปี พนักงานร้านไส้กรอกไก่ที่อยู่คูหาถัดไป เล่าว่า มีการรื้อถอนอาคารพาณิชย์ดังกล่าวมานานแล้ว ได้ยินเสียงจากการรื้อถอนทั้งวัน ซึ่งไม่ทราบว่าใช้เครื่องจักรหรือใช้คนในการทุบรื้อถอน และถูกต้องหรือไม่ แต่ไม่เคยมีใครมาแจ้งให้ตนเองทราบเลยว่ามีการรื้อถอนอาคารดังกล่าว จนกระทั่งเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงดังสนั่น ก็รีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก่อน ทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เพราะกลัวมาก เกรงว่าทั้งอาคารที่รื้อถอนและอาคารที่ตนเองอยู่จะถล่มลงมา เพราะเป็นอาคารเก่า ก่อสร้างมานานแล้ว หากอาคารที่อยู่ถล่มลงมา ตนเองอาจติดอยู่ภายในร้าน

ด้านห้วหน้าคนงานบริษัทรับเหมา ยอมรับว่า ขณะที่มีการรื้อถอน คนงานรื้อถอนได้ใช้รถแบ็กโฮเจาะไปที่อาคาร เพื่อรื้อถอนอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ฝั่งซ้ายสุด และพยายามดึงให้อาคารเทตัวไปทางขวา ซึ่งเป็นพื้นที่ว่าง แต่ระหว่างที่ขาแบ็กโฮกำลังดึง เกิดแรงกระชากระหว่างตึก ทำให้อาคารเอียงและยุบตัวไปทางฝั่งซ้ายแทน จนถล่มใส่อาคารประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้รื้อถอนอาคารพาณิชย์ใกล้เคียงไปแล้วทั้งหมด 14 คูหา โดยมีวิศวกรในการควบคุม และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอันตราย แต่อาคารที่ถล่มเป็นอาคารที่เก่ามากแล้ว ทำให้เกิดการเอียงและทรุดตัวลงมา ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้.-420-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

ข่าวแนะนำ

สร้างสถานการณ์ ปาประทัดบอลใส่บ้านชาวไทยพุทธที่ปัตตานี

คนร้ายสร้างสถานการณ์ปาประทัดบอลใส่บ้านชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบลายนิ้วมือ หาตัวผู้ก่อเหตุ

กำชับเฝ้าระวังโรค “แอนแทรกซ์” เข้มข้น

“สมศักดิ์” กำชับเฝ้าระวังโรค “แอนแทรกซ์” เข้มข้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจำกัด-ยับยั้ง การแพร่ระบาด พร้อมเตือนรับประทานหมูดิบ เสี่ยงโรคหูดับตลอดชีวิต