อสมท 30 ต.ค.-สถานการณ์น้ำในภาพรวม หากเปรียบเทียบกับปี 2554 กับ 2560 พบว่ามีความใกล้เคียงกันพอสมควร เราจะมาเปรียบเทียบข้อมูลให้เห็นชัดๆ
เริ่มจากข้อมูลพายุในปี 2554 ประเทศไทยได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งหมด 5 ลูก ได้แก่ พายุโซนร้อนไหหม่า, นกเตน, ไห่ถาง, เนสาด และนาลแก ส่วนในปีนี้ ไทยได้รับผลกระทบจากพายุใหญ่รวม 3 ลูก ได้แก่ พายุโซนร้อนตาลัส, เซินกา และทกซูรี ยังไม่รวมพายุดีเปรสชันตามฤดูกาล
แน่นอนว่าเพราะพายุที่เข้ามาใกล้เคียงกัน ทำให้ปริมาณฝนเฉลี่ยรายปีใกล้เคียงกันพอสมควร หากเปรียบเทียบปี 2554 พบว่ามีปริมาณฝน 1,771 มิลลิเมตร ส่วนในปีนี้นับตั้งแต่ 1 มกราคม-15 ตุลาคม พบว่ามีปริมาณฝนรวม 1,740 มิลลิเมตร
เมื่อปริมาณฝนมาก ทำให้ปริมาณน้ำมาก หากรวมปริมาตรน้ำในเขื่อนหลักทั่วไทย พบว่าปี 2554 มีปริมาตรรวม 65,645 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 94 ส่วนปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 59,627 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 84
เมื่อปริมาตรน้ำในเขื่อนมีมหาศาล ทำให้แต่ละเขื่อน โดยเฉพาะตอนบนของประเทศต้องระบายน้ำ มีจุดที่เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญ 2 จุดที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย สถานี C.13 ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ปี 2554 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,254 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนปัจจุบันไหลผ่านในอัตรา 2,697 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนอีกจุดคือบริเวณสถานี C.29 อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในปี 2554 เกิดน้ำล้นตลิ่งไม่สามารถวัดปริมาณน้ำได้ ส่วนในปัจจุบันวัดปริมาณน้ำไหลผ่านได้ 2,795 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
ดัชนี้ชี้วัดที่สำคัญอีกอย่างคือพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งตามข้อมูลพบว่าในปี 2554 มีพื้นที่ 67 จังหวัดประสบภัย ส่วนในปีนี้มี 36 จังหวัดประสบภัย นับเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ พบว่าในปี 2554 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 16 จังหวัด ส่วนในปีนี้มีเพียง 1 จังหวัดได้รับผลกระทบหนัก คือ สกลนคร
เปรียบเทียบให้เห็นจากภาพถ่ายดาวเทียม สำนักงนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า บันทึกไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 พบว่า พื้นที่น้ำท่วมขังส่วนใหญ่เป็นบริเวณพื้นที่ราบต่ำและพื้นที่ลุ่มการเกษตร บริเวณริมแม่น้ำสายหลักและลำน้ำย่อย โดยเฉพาะบริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา
ส่วนปี 54 ภาพถ่ายดาวเทียมบันทึกไว้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมเช่นกัน จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำที่ท่วมขังบริเวณภาคกลาง จาก จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มที่จะเข้ามาในพื้นที่ จ.ปทุมธานีและนนทบุรี นครปฐม นครนายก และฉะเชิงเทราแล้ว.-สำนักข่าวไทย