สงขลา 18 ต.ค.-บังเอิญจนน่าเหลือเชื่อ โจรวิ่งราวสร้อยคอทองคำเจอเจ้าของในร้านทอง ขณะนำสร้อยที่กระชากมาได้ไปขาย แต่ฉวยจังหวะรอตำรวจวิ่งหนีไปได้ ยอมทิ้งรถจักรยานยนต์เอาไว้
เป็นเรื่องราวความบังเอิญจนน่าเหลือเชื่อ เหตุเกิดที่ร้านทองห้างทองจินดา ตั้งอยู่เลขที่ 157 ย่านถนนทุ่งเสา2 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อมีชายต้องสงสัย อายุประมาณ 25-30 ปี ที่คาดว่าน่าจะเป็นโจรวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำ ได้นำสร้อยคอทองคำที่อยู่ในสภาพขาดครึ่งหนึ่งไปขายให้กับร้านทองแห่งนี้ และเป็นเวลาเดียวกันกับที่นางผิวพรรณ ตันยะกุล อายุ 31ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายนำสร้อยคอทองคำอีกครึ่งหนึ่งไปเปลี่ยนสร้อยใหม่เช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนนำทองมาชั่งบนตาชั่งอันเดียวกัน ปรากฏว่าเป็นทองลายเดียวกันเปะ น้ำหนักครบ 2 สลึง และข้อต่อที่ขาดเข้ากันทุกอย่าง ทั้งนี้นางผิวพรรณ ซึ่งเป็นเจ้าของสร้อยคอทองคำก็จำได้แม่นยำ ว่าเป็นสร้อยของตัวเองที่เพิ่งถูกสองคนร้ายขับรถจักรยานยนต์กระชากขาดไปครึ่งหนึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เหตุเกิดใกล้บ้านพักบริเวณถนนร่วมพัฒนา หลังห้างบิ๊กซีเอ็กตร้า เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ ขณะขับรถจักรยานยนต์ออกมาซื้อของ
แต่เมื่อสอบถามชายต้องสงสัยที่นำทองมาขาย บอกว่า เป็นพนักงานเทศบาลเมืองคอหงส์ เก็บได้ในถังขยะเมื่อคืนนี้ หากไม่เชื่อก็จะไปตามพ่อมาช่วยยืนยัน แต่เมื่อเจ้าของทองและทางร้านทองยืนยันหนักแน่นว่าสร้อยทั้งสองเส้นเป็นอันเดียวกัน ชายคนนี้ก็เริ่มแสดงอาการรุกรี้รุกรนไปไม่ถูกและเดินออกจากร้านไป แต่ได้ถูกสามีของนางผิวพรรณ ซึ่งเป็นทหารดักตัวเอาไว้เพื่อรอให้ตำรวจมาก่อน ชายคนนี้ก็ฉวยจังหวะวิ่งหนีไปในซอยข้างร้านทอง โดยยอมทิ้งรถจักรยานยนต์ซูซูกิ รุ่นสกายไดร์สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน งจค 668 สงขลา เอาไว้หน้าร้านทอง
หลังเกิดเหตุทางตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบได้มาตรวจที่เกิดเหตุและตรวจค้นเอกสารภายในรถทราบชื่อผู้ครองครองคือ นายมงคล ไชยคีรี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ซอยชุมชนบ่อนไก่-ทางยยาง ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเมื่อเทียบเคียงกับชายต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิดภายร้านทอง ก็พบว่ามีลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งทางตำรวจฝ่ายสืบสวนจะเชิญตัวมาสอบสวนอีกครั้งว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่
เหตุการณ์นี้ทั้งตำรวจ ผู้เสียหายและเจ้าของร้านทอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันบังเอิญ จนน่าเหลือเชื่อและแทบเกิดขึ้นได้ยากมาก ที่ทั้งคนร้ายและผู้เสียหายมาพบกันในร้านทองเดียวกันและเวลาเดียวกันเป๊ะ เพราะร้านทองในหาดใหญ่มีเป็นร้อยแห่ง หากคนร้ายนำไปขายที่อื่นก็จะไม่มีใครจับได้ หรือถ้ามาที่ร้านทองแห่งนี้คนละเวลา ก็จะไม่เจอกับเจ้าของและอาจจะขายทองได้เงินไปใช้ง่ายกว่านี้ เหตุการณ์นี้จึงเรียกได้ว่ากรรมตามทันหรือเวรกรรมติดจรวด ….ของจริง.-สำนักข่าวไทย