สงขลา 16 ก.พ. – “อนุกูล” นำสื่อมวลชนเยี่ยมชม “อุทยานเขาเล่” ดันแหล่งท่องเที่ยว อ.สะเดา ชายแดนไทย-มาเลเซีย หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สร้างความมั่นใจดูแลความปลอดภัยเมืองหน้าด่าน
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะสื่อมวลชนในกิจกรรม Press tour เยี่ยมชมศึกษาดูแนวทางการพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่บริเวณอุทยานเขาเล่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ โดยมีจุดชมวิว “ทะเลหมอก” ธรรมชาติที่งดงาม และมีจุดชมวิว 360 องศา คือ ยอดเขาหัวล้าน ยอดเขาเขียว เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคนไทย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น นักปีนเขา นักเดินป่า แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซน คือ 1.โซนผืนป่า ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ โดยเทศบาลเมืองสะเดา ได้เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) เนื้อที่ 325 ไร่ และ 2.โซนพุทธอุทยาน ได้มีการก่อสร้างองค์ “พระพุทธนิมิตพิชิตมาร” หน้าตักกว้าง 22 เมตร นอกจากนี้ภายในพุทธอุทยานยังมีสมเด็จเจ้าพะโคะ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ศูนย์การเรียนรู้ตามรอยหลวงปู่ทวด พระโพธิสัตว์กวนอิม พระอรหันต์จี้กง เป็นต้น
นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองสะเดา เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องเร่งยกระดับในการพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกๆ ด้าน ซึ่งโครงการพัฒนาและปรับภูมิทัศน์พุทธอุทยานเขาเล่ ถือเป็นโครงการที่สำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ และสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของอำเภอสะเดา ในภาพรวม นอกจากนี้ยังจะเป็นสถานที่เพื่อให้ประชาชนได้พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงใช้เป็นสถานที่ทางศาสนาในการประกอบศาสนพิธีต่างๆ ของชุมชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งนี้ จากการประมาณค่าก่อสร้าง โครงการฯ พุทธอุทยานเขาเล่ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 99 ล้านบาท
“จากการวิเคราะห์จำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนหรือนักท่องเที่ยวภายในจังหวัดสงขลา ที่จะเดินทางเข้ามายังพื้นที่โครงการฯ โดยจากสถิติผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดสงขลา ในสถานการณ์ปกติก่อนเกิดสถานการณ์ระบาดโควิด-19 พบว่าในปี 2562 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด 7,767,791 คน มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนต่อวันประมาณ 21,281 คน โดยคาดว่าพื้นที่โครงการฯ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอำเภอสะเดา และของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งโครงการฯ สามารถเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อยู่ใกล้เขตชายแดนเดินทางง่าย จึงคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังพื้นที่โครงการประมาณร้อยละ 5 ของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมดต่อวันเท่ากับ 1,064 คน ดังนั้น ในอนาคตพื้นที่โครงการมีเป้าหมายรองรับนักท่องเที่ยวประมาณ 1,500 คนต่อวัน” นายอนุกูล ระบุ
ด้านนายไมตรี สรรพสิน โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ได้ศึกษาออกแบบพุทธอุทยานเขาเล่ ตั้งแต่ปี 2564 โดยขณะนี้ได้ดำเนินการศึกษาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจะใช้งบประมาณ 99 ล้านบาท โดยการปรับปรุงส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นเพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาล ที่ผลักดัน amazing thailand and sport นอกจากจะมีจุดท่องเที่ยวทางศาสนา ยังให้ผู้ที่ชื่นชอบการปีนเขาสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ และนอกจากอำเภอสะเดา มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นในจังหวัดสงขลา ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม ซึ่งขณะนี้กำลังรองบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลอยู่ โดยจะนำงบประมาณมาปรับภูมิทัศน์โดยรอบตั้งแต่ทางขึ้น รวมถึงทำระบบระบายน้ำ จุดชมวิว มีทางเดินเชื่อมระหว่างจุด ตั้งแต่ทางขึ้นจะมีบันไดถึง 600 ขั้น มาจนถึงฐานองค์พระ และมีลานกราบไหว้พระพุทธรูป
นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา กล่าวว่า พุทธอุทยานเขาเล่ จะเห็นวิวครอบคลุมอำเภอสะเดา และมองเห็นประเทศมาเลเซีย ซึ่งอำเภอสะเดา มีด่านถาวร 2 จุด คือ ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ โดยเฉพาะด่านสะเดา มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณวันละกว่า 10,000 คน ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย แต่หากในช่วงเทศกาลจะอยู่ที่กว่า 20,000 คนต่อวัน ขณะที่ด่านปาดังเบซาร์ก มีนักท่องเที่ยวเกือบ 10,000 คนต่อวัน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาท่องเที่ยวที่เขาเล่ และท่องเที่ยวในอำเภอสะเดา ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เดินทางต่อไปที่อำเภอหาดใหญ่ และต่างจังหวัด ดังนั้น การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นถือเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวให้อยู่ในพื้นที่อำเภอสะเดา เพิ่มมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนในพื้นที่
ขณะที่ พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.สะเดา ระบุว่า สำหรับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวนั้นในอำเภอสะเดา แต่มีการดูแลตั้งแต่พรมแดน โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ด่านศุลกากร และบูรณาการการทำงานดูแลทั้งด่านขนส่งและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอำเภอสะเดา ถือเป็นอำเภอทางผ่านไปยังพื้นที่ต่างๆ ในขณะเดียวกันมีพื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะผลักดันส่วนนี้ให้สถานประกอบการของสงขลา แม้จะไม่เทียบเท่าเกาะสมุย ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ที่มีการขยายเวลาสถานบันเทิง โดยร้อยละ 90 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนเมื่อเส้นทางชายแดนเปลี่ยนเข้าด่านใหม่ บริเวณพื้นที่ด่านนอกก็จะเป็นพื้นที่ที่น่าสงสาร มีการตั้งคำถามว่าจะเป็นแค่ทางผ่านหรือไม่ และจะมีคำถามต่อมาว่าปิดด่านหรือไม่ โดยยืนยันว่าไม่เคยปิดด่าน แต่จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพิ่มขึ้น ดังนั้น จะต้องมีการผลักดันให้เมืองสะเดาเป็นเมืองหน้าด่านประตูแห่งสยาม จะต้องสร้างสิ่งที่ประทับใจให้นักท่องเที่ยว ขณะที่การรักษาความปลอดภัย เชื่อว่านักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจาก 1 วันปีนัง เทียบเท่ากับ 3 วันในไทย.-316-สำนักข่าวไทย