กทม.11 ต.ค.- ทหารส่งตัวหญิงอายุ 68 ร่วมกับชายสัญชาติเมียนมาร์ที่ยังหลบหนี หลอกลวงเหยื่อร่วมลงทุนในกิจการร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ มูลค่าเสียหายหลายร้อยล้านบาท
เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 คุมตัวนางสุภัตทา จันทรังสี อายุ 68 ปี ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามหมายจับคดีพิเศษ ส่งมอบให้ตำรวจกองปราบปราม ดำเนินการตามขั้นตอน แล้วส่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนต่อไป หลังนางสุภัตทา มีพฤติการณ์ก่อตั้งบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป ซึ่งไม่มีจริง ร่วมกับนายกวน มิน โอ หรือนายเทพโยธิน มหาทุน สัญชาติเมียนมาร์ สร้างเรื่องเท็จหลอกลวงนักธุรกิจให้ร่วมลงทุนในกิจการร่วมระหว่างรัฐบาลไทย-เมียนมาร์ รวม 78 โครงการ โดยอ้างว่า นายเทพโยธิน มีเชื้อสายของกษัตริย์รัฐมอญทำให้ได้รับสัมปทานโครงการใหญ่จากรัฐบาลเมียนมาร์ ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน เช่น โครงการถมทรายปนเปื้อนชายฝั่งตะวันออก มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 1,200 บริษัท ,โครงการขุดลอกคูคลองจังหวัดอุดรธานี ตกเป็นเหยื่อกว่า 48 บริษัท, การเซ็นสัญญาเอ็มโอยูของบริษัท ชัยรัชกุล ตกเป็นเหยื่อกว่า 400 บริษัท, โครงการร่วมกินการระหว่างไทย-มอญ เมืองเยและเมืองปาโอ ตกเป็นเหยื่อกว่า 78 บริษัท รวมเสียหายเกือบ 2,000 บริษัท มูลค่าหลายร้อยล้านบาท
พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ป กล่าวว่า นอกจากความเสียหายข้างต้น ยังพบความเชื่อมโยงไปถึงมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย ซึ่งแอบอ้างชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย โดยผู้ที่จะร่วมลงทุนกับบริษัท ฮัจยีกรุ๊ป ต้องสมัครเป็นสมาชิกของมูลนิธิดังกล่าว และเก็บค่าสมัครราคาสูง เพื่อได้รับผลตอบแทนคือการเลี่ยงภาษีจากการประกอบธุรกิจ และได้รับการประดับยศเทียบเท่ายศตำรวจด้วย ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับมูลนิธิดังกล่าว เพราะมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามูลนิธิดังกล่าวดำเนินการไม่ถูกต้อง และแอบอ้างชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมในเครือบริษัทฮัจยีกรุ๊ป อีกไม่ต่ำกว่า 7 คน ส่วนข้อหาแอบอ้างเบื้องสูง ตามมาตรา 112 คณะกรรมการร่วมตำรวจ ดีเอสไอและทหาร อยู่ระหว่างตรวจสอบเครื่องราชอิสริยยศและตราสัญลักษณ์ที่นายเทพโยธิน นำมาแอบอ้างติดบนเครื่องแบบตำรวจก่อนพิจารณาไปตามกระบวนการต่อไป.-สำนักข่าวไทย