รัฐสภา 12 มี.ค.- “กมธ.กฎหมาย” เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงปมส่งชาวอุยกูร์กลับจีน เข้าข่ายผิดกฎหมายซ้อมทรมานหรือไม่ ขณะ “กมลศักดิ์” ชี้ พฤติกรรมเบื้องต้นยังไม่ผิด เหตุต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อนว่ามีการกระทำกับตัวบุคคล มอง ”รัฐบาล” พาสื่อไปจีนเป็นเรื่องดี เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะต่างชาติจับตาอยู่
คณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เป็นประธาน ประชุมวาระสำคัญเรื่องการติดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการดำเนินการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน เข้ามาชี้แจง
ทั้งนี้ นายกมลศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มประชุมว่า ในช่วงเดือนมกราคม มีกระแสข่าวว่าจะส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ประกอบกับในช่วงดังกล่าวนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจีนด้วย ตอนนั้นคณะกรรมาธิการ จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ได้รับการยืนยันว่า “ไม่ได้รับนโยบายส่งกลับ” และหลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนตามที่เราทราบ วันนี้กรรมาธิการจึงเชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบถามอีกครั้ง ว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน เป็นไปตามกระบวนการของพ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ มาตรา 13 หรือไม่


ส่วนประเมินได้หรือไม่ว่าการส่งกลับครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะนายกรัฐมนตรีเดินทางไปจีน นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เราพูดคุยแค่ประเด็นเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามว่าส่วนตัวมองขั้นตอนการส่งชาวอุยกูร์ ดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายซ้อมทรมานฯหรือไม่ นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าดูจากพฤติกรรมตอนนี้ยังไม่เข้าข่าย และการใช้เทปดำติดกระจกรถไม่ให้มองเข้าไปภายใน ก็ไม่เข้าข่าย เพราะจะผิดกฎหมาย ก็ต่อเมื่อทำกับตัวบุคคลซึ่งตอนนี้เรายังไม่ทราบ อีกหนึ่งประเด็นที่เราต้องรอดู คือ ปลายทางที่จีน ว่ามีการซ้อมทรมานหรือไม่ และตนมองว่าเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย จะนำสื่อมวลชนเดินทางไปจีนเพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ เพราะรัฐบาลต้องพิสูจน์เรื่องนี้ เนื่องจาก ขณะนี้ต่างชาติกำลังจับตาอยู่ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมธิการกฎหมายฯ ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าฟัง เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน.-312 -สำนักข่าวไทย