นนทบุรี 25 ก.พ. – สองสามีภรรยาเปิดใจเคลียร์ดราม่าทองปลอม ลูกชายสารภาพสลับทองไปขายเป็นเงิน 99,500 บาท เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ เผยรู้สึกเสียใจมาก อยากขอโทษทุกคน ด้านร้านทองไม่ติดใจเอาความ และทำความเข้าใจร่วมกันเรียบร้อย
นายรุ่งโรจน์ อายุ 66 ปี และ น.ส.ละออง อายุ 54 ปี แจ้งความกับตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ หลังพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ที่ซื้อจากร้านทองในห้างสรรพสินค้าย่านรัตนาธิเบศร์ เมื่อปลายปี 2566 เป็นทองปลอม
สองสามีภรรยา เล่าว่า ซื้อสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ราคา 69,900 บาท (ราคาเมื่อปี 2566) จากร้านทอง พร้อมกับใบเสร็จที่ออกให้ตามปกติ โดยนายรุ่งโรจน์ใส่สร้อยคอตั้งแต่วันซื้อจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา สังเกตเห็นว่าสร้อยคอทองคำเริ่มหมอง จึงถอดมาล้างด้วยน้ำยาล้างจาน แต่พบว่าสร้อยคอเริ่มลอกเป็นสีไม่สวยหลายจุด ทำให้รู้สึกไม่พอใจและไม่สบายใจ จึงตัดสินใจนำสร้อยคอมาแจ้งความกับตำรวจ
ตำรวจแนะนำให้ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับร้านทองที่ซื้อมาก่อน จึงเลยนำสร้อยคอพร้อมใบเสร็จ ไปให้ร้านตรวจสอบ ปรากฏว่าร้านแจ้งว่าน้ำหนักทองไม่ตรงกับใบเสร็จ และไม่มีตราปั๊มของห้าง ตอนนั้นคิดแล้วว่าต้องเป็นของปลอม ตนจึงแจ้งร้านว่าจะแจ้งความ แต่ร้านตอบกลับมาว่าทางร้านก็สามารถแจ้งความกลับได้ ก่อนที่พนักงานจะแนะนำให้ลองพิจารณาดูก่อนว่าเป็นคนในบ้านหรือไม่
หลังจากได้ยินคำนี้ตนจึงหยิบมือถือโทรหาลูกชายทันที เพื่อถามว่าได้เอาทองไปเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งลูกชายปฏิเสธ ตนจึงเดินทางกลับบ้านไปนั่งคิดทบทวน พอกลายเป็นข่าว ถูกนำเสนอบนสื่อโซเชียล ลูกชายไลน์มาบอกว่าเห็นข่าวแม่ด้วย และในที่สุดก็รับสารภาพว่าเป็นคนนำทองไปเปลี่ยนแล้วเอาไปขาย เป็นเงิน 99,500 บาท เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ จากนั้นลูกชายพิมพ์ข้อความขอโทษตนว่า “ผมผิดไปแล้วแม่ ขอโทษแม่มากๆ เลยครับ แม่ไม่ต้องไปแจ้งความแล้ว” หลังจากลูกชายรับสารภาพ ด้วยความเป็นพ่อและแม่ก็ให้อภัยลูก และพูดคุยกันแล้วว่าลูกชายจะชดใช้เงินให้ ตนและสามีไม่มีเจตนาจะทำให้ร้านทองเสียชื่อเสียง
หลังจากทราบเรื่องจริงก็ได้มีการพูดคุยกับร้านทองและตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนระยะเวลาที่ลูกชายสลับเปลี่ยนทอง ไม่แน่ใจ แต่สร้อยเส้นนี้มีความหมาย เพราะตนเป็นคนซื้อให้ภรรยา และไม่คิดว่าคนใกล้ตัวมากๆ จะทำแบบนี้ ตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก และอยากกล่าวขอโทษทุกคน
ด้านร้านทองออกประกาศชี้แจงว่า ลูกค้าได้แจ้งว่าความจริงแล้วสร้อยคอทองคำที่นำไปแจ้งความนั้น เป็นสร้อยที่ถูกสับเปลี่ยนโดยลูกชายซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัว อย่างไรก็ตาม ไม่ติดใจเอาความ เป็นอันตกลงเข้าใจกันด้วยดี.-สำนักข่าวไทย