“ภูมิธรรม” เร่งคัดกรองแก๊งคอลฯ แยกเหยื่อ-ผู้บงการ

ทำเนียบ 25 ก.พ.- “ภูมิธรรม” คาดประชุมไตรภาคี “ไทย-เมียนมา-จีน” ต้นสัปดาห์หน้า เร่ง ดำเนินการคัดกรองแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แยกเหยื่อ-ผู้บงการ หวั่นเมียนมารับไม่ไหว เป็นผึ้งแตกรังหนีออกช่องทางธรรมชาติ ย้ำ ไทยเป็นทางผ่านส่งตัวกลับประเทศ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีการส่งตัวคนจีนจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ล็อต 2 ว่า ขณะนี้ทุกอย่างกำลังทำหน้าที่กระบวนการทางฝ่ายเมียนมา น่าจะจบลงได้เร็ว เพราะกำลังจะมีการประชุมไตรภาคีเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้หารือกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะมีการรปะชุมในเร็ว ๆ นี้ กำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีคนที่อยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้นมากจริง เราก็กำลังพิจารณาอยู่ เพราะสิ่งที่เราเป็นห่วงจำนวนคนที่ล้นอยู่ ถ้าเกิดส่วนที่ดูแลเอาไว้ไม่อยู่ เขาปล่อยทิ้ง มันจะเป็นปัญหาที่ยุ่งยากกับเรา อันนี้อาจจะต้องมีกระบวนการพิจารณา หาทางประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานนี้(24 ก.พ.) ตนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยากให้ประสานประเทศต่าง ๆ มารับตัวไป ซึ่งทางจีนกำลังพิจารณาอยู่ ต้องมีการตรวจสอบไบโอเมตทริกซ์ ให้ชัดเจน และมีกระบวนการแยกคัดกรอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะมีการประสานงาน และส่งกลับเพิ่มอีก ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศพร้อมแค่ไหนอย่างไร และขณะนี้ได้เตรียมการที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อรับตัวคนไทยจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลังจากสัปดาห์ที่แล้วตนเองได้ส่งพล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุต จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลเรื่องนี้ไปพบกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา จึงได้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้น สามารถช่วยคนไทยได้จำนวนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ถูกส่งตัวกลับมา เพราะอยู่ในขบวนการตัดกรอง ต้องดูว่าเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการประกอบอาชญากรรมระหว่างประเทศ เชื่อว่าน่าจะได้ข่าวดีเร็ว ๆ นี้ และที่กัมพูชา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ อยู่ระหว่างการประสานงาน เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยได้พูดคุยกันแล้ว คิดว่าน่าจะมีข่าวดีในการที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งในวันศุกร์ ตนจะเดินทางไปในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อดูความพร้อมที่จะรองรับการแตกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะตอนนี้มีการกระจายตัวใช้เส้นทางธรรมชาติ ใช้ทั้งรถไฟ รถทัวร์ หนีออกไปในจุดต่าง ๆ ซึ่งเราได้มีการวางกำลังไว้ และจับกุมตัวได้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่มีบทบาทในแก๊งคอลเซ็นเตอร์


เมื่อถามถึงกรณีที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ประสานจะเดินทางมารับตัวชาวอินโดนีเซีย 210 คนในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ประสานมาตั้งแต่ต้นว่าเราจะดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะไม่ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จนกว่าจะมีคนมารับ เพราะเข้ามาแล้วจะต้องมาอยู่ในส่วนกลางให้เรารับผิดชอบ ถ้าทางอินโดนีเซียก็ให้นัดวันเวลา ทางเมียนมาตรวจคัดกรองเรียบร้อย ทำทุกอย่างเสร็จตามกระบวนการตามกฏหมาย ก็สามารถส่งตัวได้เลย

ส่วนกรณีที่ชาวเอธิโอเปียยังตกค้างอยู่ในประเทศไทย และยังอยู่ที่มณฑลทหารบก 310 นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า หากเข้ามาประเทศไทย ก็ต้องถูกส่งตัวไปแล้ว ถ้ายังไม่เข้ามา ก็ยังไม่มีใครมารับ เพราะในส่วนของคนในทวีปแอฟริกาค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีสถานทูตอยู่ในประเทศไทย จึงต้องประสานกัน และหากระบวนการในการส่งตัวกลับประเทศคืน เพราะเราไม่ต้องการให้ความแตกตื่นตรงนั้นรุนแรง ถึงขั้นคนที่ดูแลแบกรับไม่ไหว และปล่อยกระจาย จะกลายเป็นปัญหาภายในของเรา ตอนนี้เรากำลังสกัดชายแดนทั้งหมด ตามนโยบาย Seal Stop Saf จึงพยามตรึงชายแดนไว้ หากส่วนใดที่เราปล่อยได้ เราก็จะคัดกรอง แต่ส่วนที่เป็นคนโยงใยไปถึงผู้ดำเนินการต่าง ๆ เราก็จะคัดกรองไว้อีก ขณะนี้กำลังโยนส่วนต่าง ๆ ให้มาถึงตัวในประเทศไทยด้วย เพราะมีบางส่วนเป็นเครือข่ายของคนไทย จึงขอดูรายละเอียดแล้วเราจะดำเนินการ ตนขอยืนยันว่ามาถึงวันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็น เราริงจังอย่างที่เมียนมาต้องจบไป ซึ่งกระบวนการ 3 ตัด เราก็จะทำต่อเนื่อง ซึ่งทางเมียนมาต้องทำให้เราเห็นว่าได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งจากที่เราตรวจสอบดู เมียนมาก็มีความจริงจัง อย่างในพื้นที่พญาตองซู ทางมอญก็ได้จัดการอย่างเต็มที่ และได้มีการขีดเส้นตายไว้อย่างชัดเจน ส่วนพื้นที่ จ.ตาก เท่าที่เราดู เขาก็ได้มีการกวาดล้างในพื้นที่ให้เราได้เห็น ทั้งนี้ ตนคาดว่าจะมีการประชุมไตรภาคี ระหว่าง ไทย – เมียนมา – จีน ในต้นสัปดาห์หน้า ตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่โดยจะมีตัวแทนในระดับปฏิบัติการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย มีหลายหน่วยงานที่ต้องมาตกลงกัน มีของจะไม่ได้เกิดบรรยากาศแบบว่าอันนี้ของใคร ใครมีอำนาจ ใครไม่มีอำนาจ เรื่องนี้ไม่น่ายาก ใครมีอำนาจเปิด ก็มีอำนาจปิดเท่านั้นเอง แต่เมื่อมีปัญหาความไม่ชัดเจนก็ต้องเรียกมาอีกครั้งหนึ่ง และถ้าพบว่ายังมีปัญหา ก็สามารถเอาออกจากพื้นที่ได้อีก ตอนนี้ตนก็กำลังเล็งอยู่เหมือนกัน

นายภูมิธรรม ย้ำว่า จะรีบทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ให้สถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยได้มีการประสานขอความช่วยเหลือเรา ส่วนมีสัญชาติไหนบ้างนั้น ตนเองขอยังไม่ตอบ เพราะทราบข้อมูลแบบคร่าวๆขอให้เราดูข้อเท็จจริงดีกว่า


เมื่อถามย้ำว่ามีกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ในการดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนอยากให้จบภายในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อยากเร่งให้จบ ก็กลัวเหมือนกันว่าหากปล่อยไม่รีบดำเนินการ มันจะมีปัญหาว่าเขารับไม่ไหว อาจมีการปล่อยเป็นผึ้งแตกรัง เราจะปวดหัว เพราะเส้นทางธรรมชาติมีจำนวนมาก มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาได้ ขณะนี้กำลังทำอย่างเต็มที่ ปัญหาตอนนี้คือการกระจายคนอื่น และคัดกรองคนที่เป็นคนผิดให้ได้ เพราะการคัดกรองคนผิดทำให้เราสามารถขยายเครือข่ายได้ไปถึง ตอนนี้กำลังทำอยู่ถือว่าได้ผลดีพอสมควร

เมื่อถามถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังทำรายละเอียดอยู่ คาดว่า 1 – 2 วันนี้จะได้เห็น .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]