“ภูมิธรรม” เร่งคัดกรองแก๊งคอลฯ แยกเหยื่อ-ผู้บงการ

ทำเนียบ 25 ก.พ.- “ภูมิธรรม” คาดประชุมไตรภาคี “ไทย-เมียนมา-จีน” ต้นสัปดาห์หน้า เร่ง ดำเนินการคัดกรองแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แยกเหยื่อ-ผู้บงการ หวั่นเมียนมารับไม่ไหว เป็นผึ้งแตกรังหนีออกช่องทางธรรมชาติ ย้ำ ไทยเป็นทางผ่านส่งตัวกลับประเทศ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีการส่งตัวคนจีนจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ล็อต 2 ว่า ขณะนี้ทุกอย่างกำลังทำหน้าที่กระบวนการทางฝ่ายเมียนมา น่าจะจบลงได้เร็ว เพราะกำลังจะมีการประชุมไตรภาคีเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้หารือกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะมีการรปะชุมในเร็ว ๆ นี้ กำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีคนที่อยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้นมากจริง เราก็กำลังพิจารณาอยู่ เพราะสิ่งที่เราเป็นห่วงจำนวนคนที่ล้นอยู่ ถ้าเกิดส่วนที่ดูแลเอาไว้ไม่อยู่ เขาปล่อยทิ้ง มันจะเป็นปัญหาที่ยุ่งยากกับเรา อันนี้อาจจะต้องมีกระบวนการพิจารณา หาทางประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานนี้(24 ก.พ.) ตนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยากให้ประสานประเทศต่าง ๆ มารับตัวไป ซึ่งทางจีนกำลังพิจารณาอยู่ ต้องมีการตรวจสอบไบโอเมตทริกซ์ ให้ชัดเจน และมีกระบวนการแยกคัดกรอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะมีการประสานงาน และส่งกลับเพิ่มอีก ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศพร้อมแค่ไหนอย่างไร และขณะนี้ได้เตรียมการที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อรับตัวคนไทยจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลังจากสัปดาห์ที่แล้วตนเองได้ส่งพล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุต จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลเรื่องนี้ไปพบกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา จึงได้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้น สามารถช่วยคนไทยได้จำนวนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ถูกส่งตัวกลับมา เพราะอยู่ในขบวนการตัดกรอง ต้องดูว่าเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการประกอบอาชญากรรมระหว่างประเทศ เชื่อว่าน่าจะได้ข่าวดีเร็ว ๆ นี้ และที่กัมพูชา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ อยู่ระหว่างการประสานงาน เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยได้พูดคุยกันแล้ว คิดว่าน่าจะมีข่าวดีในการที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งในวันศุกร์ ตนจะเดินทางไปในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อดูความพร้อมที่จะรองรับการแตกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะตอนนี้มีการกระจายตัวใช้เส้นทางธรรมชาติ ใช้ทั้งรถไฟ รถทัวร์ หนีออกไปในจุดต่าง ๆ ซึ่งเราได้มีการวางกำลังไว้ และจับกุมตัวได้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่มีบทบาทในแก๊งคอลเซ็นเตอร์


เมื่อถามถึงกรณีที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ประสานจะเดินทางมารับตัวชาวอินโดนีเซีย 210 คนในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ประสานมาตั้งแต่ต้นว่าเราจะดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะไม่ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จนกว่าจะมีคนมารับ เพราะเข้ามาแล้วจะต้องมาอยู่ในส่วนกลางให้เรารับผิดชอบ ถ้าทางอินโดนีเซียก็ให้นัดวันเวลา ทางเมียนมาตรวจคัดกรองเรียบร้อย ทำทุกอย่างเสร็จตามกระบวนการตามกฏหมาย ก็สามารถส่งตัวได้เลย

ส่วนกรณีที่ชาวเอธิโอเปียยังตกค้างอยู่ในประเทศไทย และยังอยู่ที่มณฑลทหารบก 310 นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า หากเข้ามาประเทศไทย ก็ต้องถูกส่งตัวไปแล้ว ถ้ายังไม่เข้ามา ก็ยังไม่มีใครมารับ เพราะในส่วนของคนในทวีปแอฟริกาค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีสถานทูตอยู่ในประเทศไทย จึงต้องประสานกัน และหากระบวนการในการส่งตัวกลับประเทศคืน เพราะเราไม่ต้องการให้ความแตกตื่นตรงนั้นรุนแรง ถึงขั้นคนที่ดูแลแบกรับไม่ไหว และปล่อยกระจาย จะกลายเป็นปัญหาภายในของเรา ตอนนี้เรากำลังสกัดชายแดนทั้งหมด ตามนโยบาย Seal Stop Saf จึงพยามตรึงชายแดนไว้ หากส่วนใดที่เราปล่อยได้ เราก็จะคัดกรอง แต่ส่วนที่เป็นคนโยงใยไปถึงผู้ดำเนินการต่าง ๆ เราก็จะคัดกรองไว้อีก ขณะนี้กำลังโยนส่วนต่าง ๆ ให้มาถึงตัวในประเทศไทยด้วย เพราะมีบางส่วนเป็นเครือข่ายของคนไทย จึงขอดูรายละเอียดแล้วเราจะดำเนินการ ตนขอยืนยันว่ามาถึงวันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็น เราริงจังอย่างที่เมียนมาต้องจบไป ซึ่งกระบวนการ 3 ตัด เราก็จะทำต่อเนื่อง ซึ่งทางเมียนมาต้องทำให้เราเห็นว่าได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งจากที่เราตรวจสอบดู เมียนมาก็มีความจริงจัง อย่างในพื้นที่พญาตองซู ทางมอญก็ได้จัดการอย่างเต็มที่ และได้มีการขีดเส้นตายไว้อย่างชัดเจน ส่วนพื้นที่ จ.ตาก เท่าที่เราดู เขาก็ได้มีการกวาดล้างในพื้นที่ให้เราได้เห็น ทั้งนี้ ตนคาดว่าจะมีการประชุมไตรภาคี ระหว่าง ไทย – เมียนมา – จีน ในต้นสัปดาห์หน้า ตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่โดยจะมีตัวแทนในระดับปฏิบัติการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย มีหลายหน่วยงานที่ต้องมาตกลงกัน มีของจะไม่ได้เกิดบรรยากาศแบบว่าอันนี้ของใคร ใครมีอำนาจ ใครไม่มีอำนาจ เรื่องนี้ไม่น่ายาก ใครมีอำนาจเปิด ก็มีอำนาจปิดเท่านั้นเอง แต่เมื่อมีปัญหาความไม่ชัดเจนก็ต้องเรียกมาอีกครั้งหนึ่ง และถ้าพบว่ายังมีปัญหา ก็สามารถเอาออกจากพื้นที่ได้อีก ตอนนี้ตนก็กำลังเล็งอยู่เหมือนกัน

นายภูมิธรรม ย้ำว่า จะรีบทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ให้สถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยได้มีการประสานขอความช่วยเหลือเรา ส่วนมีสัญชาติไหนบ้างนั้น ตนเองขอยังไม่ตอบ เพราะทราบข้อมูลแบบคร่าวๆขอให้เราดูข้อเท็จจริงดีกว่า


เมื่อถามย้ำว่ามีกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ในการดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนอยากให้จบภายในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อยากเร่งให้จบ ก็กลัวเหมือนกันว่าหากปล่อยไม่รีบดำเนินการ มันจะมีปัญหาว่าเขารับไม่ไหว อาจมีการปล่อยเป็นผึ้งแตกรัง เราจะปวดหัว เพราะเส้นทางธรรมชาติมีจำนวนมาก มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาได้ ขณะนี้กำลังทำอย่างเต็มที่ ปัญหาตอนนี้คือการกระจายคนอื่น และคัดกรองคนที่เป็นคนผิดให้ได้ เพราะการคัดกรองคนผิดทำให้เราสามารถขยายเครือข่ายได้ไปถึง ตอนนี้กำลังทำอยู่ถือว่าได้ผลดีพอสมควร

เมื่อถามถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังทำรายละเอียดอยู่ คาดว่า 1 – 2 วันนี้จะได้เห็น .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]