เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย 2 บอสจีนแก๊งคอลฯ ย่านรัชดา

กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – สืบนครบาล นั่งรถเมล์เต็มคัน เปิดปฏิบัติการทลายรังปลวก เครือข่าย 2 บอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดบริษัทวัสดุก่อสร้าง หลอกเล่นเกมวงล้อลุ้นไอโฟน 16 ล้วงข้อมูลประชาชนกว่า 88,000 ราย


พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ร่วมกับสืบนครบาล และ บก.น.2 กว่า 50 นาย ร่วมกันเปิดปฎิบัติการ “ทลายรังปลวก” พร้อมนำหมายค้นศาลอาญาที่ ค.77/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 เข้าตรวจค้น บริษัท ลัคคิง จำกัด ตั้งอยู่ ชั้น 8 ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ถนนรัชดาภิเษกซอย 11 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมจับกุมนาย MR.ZHANG HONGXIANG อายุสัญชาติจีน บอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งบนถนนรัชดา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

พร้อมตรวจยึดของกลาง ป้ายบริษัท ลัคคิง จำกัด, บัตรห้อยคอพนักงาน 13 ใบ, เสื้อโปโล โลโก้ลายปัก LUCKKING จำนวน 8 ตัว, วงล้อเสี่ยงทาย จำนวน 1 อัน, แผ่นสติกเกอร์คิวอาร์โค๊ดไลน์ LUCKKING 1 แผ่น, แผ่นคูปองเติมเงิน LUCKKING จำนวน 10 ใบ, โบชัวร์ จำนวน 1 ชุด, อุปกรณ์สำหรับไลฟ์สด 1 ชุด, เอเทอร์นอล ฮาร์ดดิส จำนวน 3 อัน, ไข่ทองสำหรับจับรางวัล จำนวน 1 กล่อง, สมุดโน๊ต จำนวน 13 เล่ม, เอกสารที่เกี่ยวข้องของบริษัท ลัคคิง จำกัด จำนวนหนึ่ง และตู้เซฟ จำนวน 1 ตู้


พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ขยายผลการจับกุม 2 บอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ สน.หัวหมาก คือ นายยี วานโยว (Mr.YE Wanyou) อายุ 29 ปี และ นายลี่ เว่ยเจีย (Mr.Li Weijie) อายุ 30 ปี ทั้ง 2 สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบอสคอลเซ็นเตอร์ในตึก 25 ชั้น เมืองปอยเปต โดยจับกุมได้ที่หมู่บ้านหรูย่านรัชดาภิเษก จากนั้นมีการขยายผลโดยพบกระเป๋าวอลเล็ตลับ จนนำไปสู่การอายัดเงินได้จำนวนกว่า 2.4 ล้าน USDT หรือเป็นจำนวนประมาณ 84 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดและอายัดไว้ได้ทั้งหมดประมาณ 100 ล้านบาท และยังพบหลักฐานว่าทั้งสองพัวพันกับการเป็นธุระ จัดหาคนไปยังพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านทาง อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อมาพบหลักฐานจากข้อมูลโทรศัพท์บอสชาวจีนทั้ง 2 ราย ว่าได้เป็นแอดมินควบคุมระบบเว็บไซต์ที่ใช้หลอกเอาข้อมูลคนไทย โดยมีการเปิดบริษัทชื่อว่า “บริษัท ลัคคิง จำกัด” ไว้บังหน้า เพื่อใช้ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล นำไปขายให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริษัท พบบอสชาวจีน 3 ราย โดย 2 ราย ที่ถูกจับไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.พ.

ต่อมา พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 กก.สส.บช.น. นำกำลังไป จับกุม MR.ZHANG HONGXIANG สัญชาติจีน บอสคนสุดท้าย ของบริษัทลัคคิง ได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งบนถนนรัชดา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยรัชดาฯ 11 และจากการตรวจค้นห้องพักพบของกลางหลายรายการ อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 9 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง, แฟ้มเอกสารบริษัท ลัคคิง จำกัด จำนวน 5 แฟ้ม, แฟลชไดรว์จำนวน 6 อัน, ใบรับเงินเดือนจำนวน 1 ชุด และสติกเกอร์บริษัท ลัคคิง จำกัด จำนวน 1 ชุด

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทแห่งนี้ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับการขายวัสดุก่อสร้างได้เพียง 3 เดือน โดยบริษัทแห่งนี้จะมี 2 บอส มาประชุมเพื่อวางแผนในการหลอกลวงประชาชนด้วยการออกอุบายเล่นเกมวงล้อ โดยผู้ที่ชนะจะได้รางวัลใหญ่เป็นไอโฟน 16 ซึ่งผู้เล่นจะต้องติดต่อเล่นเกมผ่านช่องทางไลฟ์สดในแอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อก โดยเสียค่าเข้าเล่นเกมครั้งละ 100 บาท เมื่อถูกรางวัลทางพนักงานจะติดต่อกลับโดยมีสคริปต์ที่ใช้ในการพูดคุยกับลูกค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะขอข้อมูลส่วนบุคคลและเลขหลังบัตรประชาชนอ้างเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนในการรับรางวัล โดยมีข้อมูลรั่วไหลกว่า 88,000 รายชื่อ ในห้วงเวลาเพียง 3 เดือน เบื้องต้นพบผู้เสียหายในระบบจํานวน 85 ราย ความเสียหาย 55 ล้านบาท ตามยึดทรัพย์ได้ 84 ล้านบาท อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อเฉลี่ยทรัพย์สินคืนผู้เสียหาย


หลังจากนี้ตํารวจจะขยายผลต่อว่าใน 88,000 รายชื่อนั้น ถูกนําไปใช้ในการกระทําความผิดแล้วหรือไม่ และเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ รวมทั้งจะตรวจสอบว่าเป็นบริษัทที่เชื่อมโยงกับ “แก๊งโอริโอ้” ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมีการรับสารภาพกับตํารวจว่าซื้อข้อมูลมาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเพื่อใช้ในการประกาศไล่เช็คบิลคู่อรินอกเกม Five M

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า การตรวจค้นและจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาลร่วมกับชุด PCT และ สน.สุทธิสาร ได้สนธิกําลังนั่งรถเมล์ ขสมก. เปิดปฏิบัติการ “ทลายรังปลวกบอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์” โดยนั่งมาจากศูนย์สืบนครบาลมายังบริษัทดังกล่าวที่ตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก เมื่อมาถึงได้เข้าจู่โจมทันที สามารถจับกุมพนักงานคนไทยกว่า 10 ราย แต่มีบางส่วนหลบหนีไปได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวดําเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ฝากเตือนพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อการหลอกลวงให้เล่นเกมต่าง ๆ บนแอปพลิเคชั่น และเมื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคลไป อาจถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปใช้หลอกลวง และเสียทรัพย์สินได้

เบื้องต้นจึงนำตัว MR.ZHANG HONGXIANG ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นบุคคลต่างอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง” และ“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ส่วนพนักงานทั้ง 10 ราย ดำเนินคดีข้อหา จัดให้มีการเล่นพนัน ตาม พ.ร.บ.การพนัน ส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ