“ภูมิธรรม” เน้นย้ำหน่วยงานมั่นคง จชต. ทำงานมีทิศทางตรงกัน

สงขลา 17 ก.พ.- “ภูมิธรรม” เน้นย้ำหน่วยงานมั่นคงใน จชต. ให้ทำงานมีทิศทางที่ตรงกัน เล็งปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการแก้ปัญหา มอบนโยบายดึงประชาชนมาอยู่ในใจ สู้กับพวกสุดโต่งใช้ความรุนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภารกิจตรวจราชการในช่วงบ่ายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเข้าร่วมประชุมการดำเนินงานมิติด้านความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 9 ได้รายงานผลการดำเนินงานในมิติด้านความมั่นคง อาทิ การแก้ปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของบุคคลต่าวด้าว การแก้ปัญหายาเสพติด สถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และสถิติคดีเกี่ยวกับการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ เป็นต้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า รู้สึกมีความยินดีที่ได้มาพบปะและร่วมประชุมในวันนี้ ซึ่งตนเข้าใจว่าการทำงานในพื้นที่ค่อนข้างยากลำบาก เพราะกำลังพลทุกนายต้องทำงานด้วยความเสียสละ และเสี่ยงชีวิต หลังจากที่ได้รับฟังบรรยาย ทำให้เข้าใจในบทบาท และเห็นภาพรวมของการทำงานอยู่บ้าง และในขณะนี้ตนกำลังมีการปรับยุทธศาสตร์ โดยทบทวนแนวทางในการทำงานที่เคยปฏิบัติมาหลายปี เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการแก้ปัญหา โดยทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กำลังมีการปรับทิศทางในการทำงาน และได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ก่อนที่จะรวบรวมเพื่อพยายามทำให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อให้ทุกส่วนมีทิศทางการทำงานที่ตรงกัน เพราะถ้าไม่ตรงกัน จะเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ทั้งนี้ในระดับปฎิบัติหรือในระดับยุทธวิธี ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การจัดการองค์กรภายในให้มีความเข้มแข็ง และการดูแลสิทธิสวัสดิการกับกำลังพลให้เต็มที่อีกด้วย


นายภูมิธรรม ยังได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานมิติด้านการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ดำเนินการโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ซึ่งมีทั้งการดำเนินงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมฮาลาล อุตสาหกรรมประมง การพัฒนาร่วมรัฐตอนเหนือมาเลเซียกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านเมืองคู่แฝด การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์อัตลักษณ์พื้นถิ่นชายแดนใต้ที่โดดเด่น ตลอดจนเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ในระดับครัวเรือน ที่มีการพัฒนาสินค้าสู่วิสาหกิจชุมชน ระดับชุมชน ที่มีการเสริมนวัตกรรมเพิ่มมูลค่า และระดับส่งออก ที่นำเอาอัตลักษณ์ถิ่นสู่ตลาดโลก

ต่อมา นายภูมิธรรม เดินทางไปที่ กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 หรือ บก.ฉก.ร.5 อ.สะเดา จ.สงขลา รับฟังบรรยายสรุปการทำงานของกองกำลังเทพสตรี โดยมีพลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ ก่อนประชุมมอบนโยบายดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย จากนั้นพบปะกำลังพล และมอบของบำรุงขวัญ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพบ และคิดว่าได้รับเกียรติอย่างยิ่งในการมาพบกับผู้ที่ มีความตั้งใจ และเสียสละต่อชาติบ้านเมือง อีกทั้งเป็นกำลังอยู่แนวหน้ามากที่สุดในการเผชิญกับภัยอันตรายต่างๆ ทำให้ประชาชนมีความสุขสบาย พ้นจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันมีภัยคุกคามเกิดขึ้นใหม่หลายอย่าง ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยมนุษย์สร้างขึ้น และภัยจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจ ที่สำคัญสิ่งที่เป็นนโยบายเป็นทิศทาง เป็นยุทธศาสตร์ของผู้บังคับบัญชา เราต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง


“ผมเชื่อว่าการต่อสู้กับกองกำลังสุดโต่ง ที่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาของเขาวันนี้ เท่ากับเป็นการแย่งชิงประชาชน แต่เราต้องการให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งเขาไปไกลเกินกว่าที่สังคมไทยจะรับได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนให้ได้ ก็คือการเข้าใจ การเอาความเจริญ เอาความอยู่ดีมีสุขไปให้พวกเขา ดังปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ให้ไว้ เราต้องเข้าถึงหัวใจเขาให้ได้ ด้วยการดูแลเอาใจใส่ เอาบริการของรัฐที่มีไปดูแลประชาชน ให้ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ คนอื่นก็ไม่สามารถแย่งชิงประชาชนไปจากเราได้ ผมนำความปรารถนาดีของนายกฯ และรัฐบาลมานำส่งถึงกำลังพลทุกระดับ ขอให้ปฎิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง และขอให้ทุกคนปลอดภัย“

จากนั้น นายภูมิธรรม ได้เดินทักทายพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมสอบถามว่ามีอะไรอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งทหารตอบว่าไม่มีเพราะสวัสดิการดีอยู่แล้ว นายภูมิธรรม จึงกล่าวต่อว่า ถ้าตอบว่าไม่มี รัฐบาลก็ไม่รู้จะช่วยอะไร จากนั้น นายภูมิธรรม ได้ไปพูดคุยกับตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งได้มีการร้องขออุปกรณ์คือ กล้องสำหรับใช้ในการตรวจลาดตระเวนพื้นที่ และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ