7 ก.พ.- 4 หญิงไทยให้ข้อมูลตำรวจ ขยายผลดำเนินคดีขบวนการทุนจีนหลอกค้าไข่สืบพันธุ์ที่จอร์เจีย และเร่งช่วยเหลือหญิงไทยที่เหลือกลับไทย
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย พาหญิงไทย 4 คน ที่ตำรวจไทยและตำรวจสากลช่วยกันช่วยเหลือออกจากประเทศจอร์เจีย หลังถูกหลอกไปอุ้มบุญ ขายไข่สืบพันธุ์ เข้าให้ข้อมูลกับพลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการนี้ ซึ่งมีทั้งคนไทยและกลุ่มจีนเทา รวมถึงขอให้ช่วยเหลือหญิงไทยที่ยังถูกบังคับรีดไข่สืบพันธุ์อยู่ที่จอร์เจียอีกกว่า 100 คน
พฤติการณ์ของขบวนการนี้เป็นกลุ่มจีนเทาในประเทศจอร์เจีย ที่ทำธุรกิจค้ามนุษย์ขายไข่สืบพันธ์ มีการโพสต์ชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊ก หลอกหญิงสาวไปอุ้มบุญ อ้างว่าเป็นงานถูกกฎหมาย มีรายได้ 4-6 แสนบาท กักขังไว้ในบ้านพัก และถูกฉีดยาเร่งไข่สืบพันธุ์ เมื่อร่างกายพร้อมก็จะวางยาสลบและใส่เครื่องมืดสอดช่องคลอดเพื่อรีดไข่สืบพันธุ์ออกมา รวบรวมแล้วส่งไปประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้ว เหยื่อที่ร่างกายไม่พร้อม ไม่สามารถตกไข่ได้ ก็อาจต้องถูกกักขังนานถึง 7-8 เดือนไปเรื่อยๆ ส่วนคนที่ทนไม่ไหวอยากกลับบ้าน ก็จะถูกเรียกค่าไถ่ตัวหลายหมื่นบาท อ้างว่าเป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ รวมถึงข่มขู่ว่าหากกลับประเทศไทยก็จะถูกดำเนินคดี
ผู้เสียหายเล่าว่า เห็นโพสต์รับสมัครอุ้มบุญถูกกฎหมาย ให้ค่าตอบแทน 5 แสนบาท จึงสนใจและติดต่อไป โดยมีคนไทยไปส่งที่สนามบินและมีคนไทยพาไปด้วย แต่เมื่อเดินทางไปถึงที่จอร์เจีย จะถูกยึดพาสปอร์ต กักขังไว้ในบ้านพัก หลังจากนั้นก็ฉีดยาให้ หลายครั้ง ทำให้ ไม่สบายกินข้าวไม่ได้ ทรมานกินไรไม่ได้ ได้กิน ให้กินแต่น้ำก๊อก แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้พูดคุยกับใคร ซึ่งในบ้านพักหลังดังกล่าวมีหญิงไทยที่ร่วมชะตากรรมในบ้านพักกลุ่มจีนเทาอีก 4 หลัง แต่ละหลังมีหญิงไทยอยู่ประมาณ 50-60 คน ตนเองทนไม่ไหวไม่เหมือนที่พูดคุยกันไว้ จึงตัดสินใจติดต่อมูลนิธิให้ช่วยเหลือฯ
ด้านพลตำรวจเอกธัชชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้กองการต่างประเทศอยู่ระหว่างประสานตำรวจจอร์เจียเพื่อขอข้อมูลขบวนการดังกล่าว และมอบหมายให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ บก.ปคบ. ขยายผลตรวจสอบกลุ่มขบวนการดังกล่าวที่มีทั้งคนไทยและกลุ่มจีนเทา ว่าจะเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ เนื่องจากที่ประเทศจอร์เจีย การอุ้มบุญถูกกฎหมาย แต่หากเป็นการหลอกลวง ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ด้วย จึงยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ ต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อน
อย่างไรก็ตามผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนเป็นภาษาไทย ตำรวจพอมีข้อมูลแล้ว แต่ต้องสืบสวนเพิ่มเติม ซึ่งตำรวจไทยจะเร่งประสานงานกับตำรวจจอร์เจียช่วยเหลือกลุ่มหญิงไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับ เบื้องต้นมีไม่ต่ำกว่า 10 คนที่แจ้งความประสงค์ผ่านทางมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมยืนยันว่าตำรวจไทยจะไม่มีการดำเนินคดีกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกไป 416.-สำนักข่าวไทย