รัฐสภา 6 ก.พ.- “ณัฐชา” ยื่น ป.ป.ช.-ผู้นำฝ่ายค้าน ตรวจสอบตัวเอง แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลัง “อัจฉริยะ” พาดพิง ร่วมมือ “เต้ มงคลกิตติ์” รีดทรัพย์ทุนจีน
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.เขตบางขุนเทียน พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีโดนนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เอาชื่อไปกล่าวหาออกสื่อว่า ตนกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมัยที่ยังเป็น สส.เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เอาชื่อนายอัจริยะ ไปหลอกลวงนักธุรกิจชาวจีนที่ทำผิดธุรกิจหนีภาษีโดยมีการเรียกเงิน 1.2 ล้านบาท เพื่อไม่ให้มีการจับกุม ทั้งยังรับเงินก้อนนั้นมาแล้วด้วย
นายณัฐชา กล่าวว่า เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันกับประชาชนว่าทั้งชีวิต ตนไม่เคยพบเจอหรือพูดคุยกับนายอัจฉริยะแม้แต่ครั้งเดียว โทรศัพท์ก็ไม่เคยพูดคุยกัน และวันนี้ตนได้เดินทางไปที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก จึงได้ไปยื่นให้ตรวจสอบตนเอง ที่ถูกพาดพิงว่ามีการรับผลประโยชน์ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง เพราะตนยังเป็น สส.อยู่ ซึ่งข้อกล่าวหานี้ทำให้ตนและพรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง และส่งผลเสียต่ออนาคตทางการเมือง
นายณัฐชา ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ติดตามและเข้าไปตรวจสอบ โดยเฉพาะสิ่งที่นายอัจฉริยะนำมากล่าวอ้าง คือบันทึกประจำวัน ส่วนการตรวจสอบภายในตนได้ยื่นหนังสือถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อชี้แจงประเด็นนี้ต่อสมาชิกพรรค ซึ่งตนดำเนินการไปแล้วทั้งสองส่วน เพื่อพิสูจน์ความจริงและขอเรียกร้องไปยังผู้ที่กล่าวหา
ทั้งนี้ ไม่ทราบว่านายอัจฉริยะ มีจุดประสงค์อย่างไร ไม่แน่ใจว่าเหตุใดต้องมาทำลายอนาคตทางการเมือง และส่วนตัวก็ไม่เคยบาดหมาง โกรธเคืองหรือพบเจอมาก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นหากมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถดำเนินคดีกับตนได้เลย แต่ถ้าเกิดกล่าวหาผิดพลาดไปก็ขอร้องให้นายอัจฉริยะออกมา ขอโทษและคืนความบริสุทธิ์ให้กับตน
ส่วนมูลเหตุในการอ้างชื่อนั้น นายณัฐชา ระบุว่า ไม่แน่ใจว่า เพราะอะไร ทำไมถึงต้องมีการกล่าวอ้างชื่อ แต่ส่วนตัวเท่าที่ติดตาม นายอัจฉริยะ น่าจะมีปัญหากับนายมงคลกิตติ์ ซึ่งตนและนายมงคลกิตติ์ก็มีความสนิทสนมกัน เนื่องจากเป็นสส.สมัยแรกด้วยกัน และเป็นเด็กช่างกลเหมือนกัน จึงเริ่มสนิทกันตั้งแต่ช่วงแรก และยังถูกดำเนินคดี จากป.ป.ช.ด้วยกัน จากการไปร่วมชุมนุม ทำให้ถูกเรียกไปสอบด้วยกัน ส่วนนายอัจฉริยะกับนายมงคลกิตติ์จะมีปัญหากันหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ และถ้าหากต้องการให้ประเด็นที่ตนเองติดตามอยู่เป็นประเด็นขึ้นมา ก็ไม่ควรใช้อนาคตทางการเมืองของคนอื่น ทำให้เสื่อมเสียได้ขนาดนี้
ส่วนหลังจากนี้จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาหรือไม่นั้น นายณัฐชายืนยันว่า ดำเนินการแน่นอน ซึ่งขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพราะบอกว่าเป็นการลงบันทึกประจำวัน หากเป็นความผิดอาญาร้ายแรงแบบนี้ การลงบันทึกประจำวันก็ต้องดำเนินคดี และหากเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานก็จะต้องถูกดำเนินคดีต่อ เรื่องนี้ต้องสืบทราบให้ได้ว่าสาเหตุต้นตอข้อมูลมาจากใคร.-315 -สำนักข่าวไทย