บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

กทม. 6 ม.ค.-ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ในหมู่บ้านดังย่านเสนานิคม หลังก่อเหตุสร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. ขึ้นข้อความหลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ก่อนยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลก์ การตรวจค้นพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก พร้อมอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่แถลงรายละเอียด 10.00 น.วันนี้


เมื่อเวลา 06.00 น. ตำรวจสืบนครบาลได้เข้าจับกุม 2 บิ๊กบอสชาวจีนหัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้ภายในบ้านแห่งหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร พบมีพฤติการณ์ใช้กลโกงโดยการสร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานราชการพร้อมคีย์เวิร์ด “ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน” และยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลด์ เพื่อหลอกลวงเหยื่อที่เคยถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยึดทรัพย์กว่า 15 ล้านบาท ได้แก่ รถหรูราคา เงินสด นาฬิกาหรู ซิกา โทรศัพท์ สร้อยคอทองคำ และสินค้าแบรนด์เนมอีกจำนวนมาก

ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและรองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอปส.ตร.) พร้อมด้วยตำรวจสืบนครบาล ได้ลงมาตรวจสอบการจับกุมด้วยตนเอง


โดย พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ว่าถูกหลอกลวงผ่าน เพจ Facebook อ้างว่าให้ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงมาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านลิงก์ในเพจ Facebook ได้ โดยผู้เสียหายถูกหลอกไปมากกว่าล้านกว่าบาท

ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมากและสืบนครบาลได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสามารถไปสอบปากคำพยานปากสำคัญที่บริเวณชายแดนได้หลายปาก ซึ่งพยานทั้งหมดได้ยืนยันตัวว่า มีตัวการใหญ่คือ 2 ผู้ต้องหาชาวจีนที่สามารถจับกุมได้ในวันนี้

ทางตำรวจจึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลออกหมายจับชาวจีนทั้ง 2 ราย ได้แก่ นายลีและนายยี ในข้อหาเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้


โดยทั้งสองมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าผู้สั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจ Facebook ปลอมอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการในไทย เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากรอกข้อมูลแจ้งความร้องทุกข์ โดยได้นำรูปนายตำรวจระดับสูงมาแอบอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แล้วหลังจากนั้น กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะโทรหาผู้เสียหายทำทีอ้างว่าจะให้การช่วยเหลือ ก่อนที่จะหลอกเงินผู้เสียหายซ้ำเติมเสมือนเป็นการกระทืบเหยื่อซ้ำ โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสั่งการงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วจะข้ามกลับมาที่ประเทศไทย โดยจะมากบดานเช่าบ้านภายในซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น safe house ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีราคามูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอาศัยเดือนละ 100,000 กว่าบาท

จนกระทั่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร สามารถตรวจยึดอายัดของกลางได้เป็นเงินสดทั้งไทยและต่างประเทศมูลค่ากว่า 4 แสนกว่าบาท // สินค้าแบรนด์เนมรวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท รถยนต์หรูมูลค่า 11 ล้านบาท และโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง

นอกจากนี้ยังพบว่า ในโทรศัพท์มือถือนั้น มีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM box และซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใดๆ กับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก อันเป็นท้องที่ที่มีการแจ้งความของผู้เสียหายต่อไป รวมทั้งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะขยายผลในเรื่องของการฟอกเงินและตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาชาวจีน 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการ Call Center ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 กว่าชั้นในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก

พล.ต.ท.สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพย์สินที่ทางตำรวจสามารถตรวจยึดอายัดได้หลังจากนี้ จะเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์สินเพื่อเยียวยาคืนแก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมาย และที่สำคัญ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ทุกสถานีตำรวจในท้องที่ไม่ว่าจะเป็นนครบาลหรือภูธร ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดกฎด้านกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนท้องที่นครบาลได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจขยายผลทุกคดีที่มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบพฤติการณ์ของชาวจีนหรือชาวต่างชาติรายใดที่ใช้ชีวิตหรูอยู่สบายหรือหรือเข้าข่ายว่าจะประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางตำรวจได้ทุกท้องที่และเน้นย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อเพจแจ้งความออนไลน์ที่อ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ โดยเฉพาะหลายเพจที่มักจะนำภาพของผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาเพื่อชวนเชื่อ โปรดอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ให้แจ้งความกับทางตำรวจที่สถานีตำรวจหรือช่องทางของตำรวจโดยตรงเท่านั้น อีกทั้งบรรดาผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเข้ามอบตัวและให้ข้อมูลกับทางตำรวจ เพื่อขยายผลกวาดล้างแก๊งค์ Call Center ให้หมดไปจากประเทศไป414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี