ศูนย์ราชการฯ 8 ม.ค.- “วุฒิสาร” มองการแก้ ม. 256 ตั้ง สสร. มีน้ำหนักกว่าแก้รายมาตรา แนะฝ่ายการเมืองหารือให้ได้ข้อสรุป ห่วงยื่นร้องตีความทำประชามติขัดคำวินิจฉัยศาล รธน.
นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าขณะนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นการเสนอแก้ไขแบบรายมาตราที่เห็นว่าเป็นปัญหา และการแก้ไข ม.256 ว่าด้วยวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเจตนาให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา โดยเชื่อว่าทิศทางในชุดความคิดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ น่าจะมีน้ำหนักมากกว่าการแก้ไขแบบรายมาตรา ที่รัฐสภาเคยดำเนินการมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาอะไรได้
ส่วนการแก้ไขมาตรา 256 ขึ้นอยู่กับการหารือของวิป ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งขณะนี้เนื้อหามีความแตกต่างกันอยู่ในสาระสำคัญ บางพรรคการเมืองเสนอเนื้อหาให้มี สสร. และแก้ไขเรื่องอำนาจ สว. เห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเสียง 1 ใน 3 และอีกกลุ่มที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ และยืนยันว่าคงสาระสำคัญในหมวด 1 -2
“ทั้งสองกลุ่มนี้ เชื่อว่ามีคำตอบเหมือนกันคือกันจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นจุดที่จะต้องพิจารณา ถ้าทิศทางของการแก้ไขมาตรา 256 ไปในทิศทางนี้ แง่ของสาระหรือเนื้อหาจะแก้แค่ไหน กับอันที่สองกระบวนการของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องของการทำประชามติ 4/2565 ยังมีความเห็นต่างระหว่างการทำประชามติต้องทำก่อนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ หรือทำแล้วค่อยไปถามประชาชน คิดว่ายังเป็นประเด็นที่อาจจะกลายเป็นเงื่อนไข หากรัฐสภาตัดสินว่าจะแก้มาตรา 256 เลย อาจจะมีคนหยิบยกเรื่องนี้ว่าจะขัดต่อคำวินิจฉัยหรือไม่
นายวุฒิสาร ยังกล่าวว่า จากการศึกษาเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง เป็นการศึกษาก่อนหน้านี้หนึ่งปีที่แล้ว ด้วยหวัง ว่ามีเวลาที่จะทำ 3 ครั้ง ที่เป็นความปลอดภัย และขณะนี้มีเงื่อนไขเรื่องของการแก้กฎหมายประชามติ ที่ทำให้การทำนั้นสามารถทำได้ง่ายขึ้นและเข้าถึงประชาชน เช่น การทำประชามติผ่านไปรษณีย์ แต่ครั้งนี้กฎหมายสะดุด
”เพราะฉะนั้นคิดว่าในทางการเมืองก็อาจจะเป็นความต้องการทางการเมืองที่อยากจะเสี่ยง หรือลองเสี่ยงดูว่าแก้เลย แล้วไปรอฟังคำวินิจฉัยของศาลอีกครั้ง ว่ามีคนร้องแล้ว ศาลจะว่าอย่างไร อันนั้นก็เป็นทางที่ฝ่ายการเมืองตัดสินใจ แต่หากถามด้วยเหตุผล คิดว่าอย่างไรก็ตาม การแก้ไขมาตรา 256 เมื่อทำเสร็จก็ต้องไปทำประชามติอยู่แล้ว เพราะว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับอยู่แล้ว ส่วนครั้งที่สามจะทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับการแก้ไขมาตรา 256 แล้วจะต้องทำหรือไม่ทำก็ได้ คิดว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา “ นายวุฒิสาร กล่าว
อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าฯ ยังเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องหารือกัน โดยเฉพาะวุฒิสภามีส่วนสำคัญที่จะกำหนด ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าอย่างน้อยต้องมีสิ่งเห็นชอบด้วย 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งหากไม่ได้ตามจำนวนดังกล่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่สำเร็จ โดยเฉพาะมีร่างแก้ไขของพรรคประชาชนที่แก้ไขเกี่ยวกับอำนาจ การเห็นชอบของวุฒิสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1 ใน 3 ที่ถูกตัดไป ซึ่งมีเพียงประเด็นที่ฝ่ายการเมืองเห็นตรงกัน คือการให้ สสร. จัดทำรัฐธรรมนูญ แต่การได้มายังไม่ได้ข้อยุติ แต่ละพรรคเสนอหลายรูปแบบ และต้องรอติดตาม ว่าคณะรัฐมนตรีจะเสนอร่างประกอบด้วยหรือไม่ .314.-สำนักข่าวไทย