สงขลา 24 ธ.ค. – คดี อส.ปืนโหด ตำรวจดำเนินคดีเพิ่มอีก 2 ข้อหาหนัก พร้อมคุมตัวส่งศาลฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต อ้างทำไปเพราะบันดาลโทสะ พร้อมชดใช้กรรม
พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คุมตัวนายอัครพณธ์ อายุ 50 ปี อส.อำเภอหาดใหญ่ ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา สภ.หาดใหญ่ เพื่อนำตัวส่งศาลสงขลาฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว หลังนายอัครพณธ์ ชักปืนขนาด 9 มม. ยิง 11 นัด ในร้านข้าวต้มริมถนนนวลแก้วอุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ธ.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 3 คน โดยผู้เสียชีวิต 2 คน คือ นายสิทธิพงศ์ หรือ ช่างสิทธิ และนางสาวอรชร ลูกค้าร้านข้าวต้ม
ทันทีที่ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา นายอัครพนธ์มีสีหน้าเรียบเฉย ยกมือไหว้และเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกกับนักข่าวว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ก่อเหตุเพราะบันดาลโทสะ ส่วนสาเหตุไม่ขอพูดถึง เพราะให้การในสำนวนหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ยืนยันยอมชดใช้กรรม
แจ้งเพิ่มอีก 2 ข้อหา รวมเป็น 6 ข้อหาหนัก
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหานายอัครพนธ์ เพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากเดิมแจ้งไปแล้ว 4 ข้อหา คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น
ส่วนที่วัดป่าบอนต่ำ ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ร่างของนายสิทธิพงศ์ และนางอรชอน สองสามีภรรยาผู้เสียชีวิต เดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อคืน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวเตรียมจัดพิธีศพของทั้งคู่ด้วยกันที่วัด โดยตั้งโรงศพคู่และมีการจัดเตรียมงาน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ 24 ธ.ค. ก่อนจะมีพิธีฌาปณกิจในวันที่ 26 ธ.ค. 67
ด้านนายสถาพร ผู้ใกล้ชิดของครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกว่าทั้งคู่เป็นครอบครัวที่อบอุ่น คอยช่วยเหลือสังคม และให้ชีวิตใหม่กับลูกน้องทุกคนที่มาทำงานด้วย เชื่อคดีฆ่าผู้อื่น กฎหมายเมืองไทยอ่อน อีก 10 ปี สามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติ คดีแบบนี้โทษประหารจึงดีที่สุด
เร่งถอดบทเรียน อส.พกปืน ป้องกันนำไปก่อเหตุ
นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าฯ สงขลา ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ล่าสุดนายอำเภอหาดใหญ่ สั่งให้ อส.รายนี้ออกจากราชการแล้ว พร้อมยืนยันจะไม่มีการแทรกแซงคดี ผิดว่าไปตามผิด หลังจากนี้จังหวัดจะต้องถอดบทเรียนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ อส. พกพาอาวุธปืน เมื่อเสร็จสิ้นหรือไม่มีภารกิจเพื่อป้องกันไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ อส.รายอื่นใช้อาวุธปืนที่ทางราชการอนุญาตไปก่อเหตุ และจะหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วนในการหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย.-สำนักข่าวไทย