กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีนายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ทำร้ายลูกเสียชีวิต เร่งตรวจสอบข้อมูลศพไร้ญาติกับสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง หลังชิ้นส่วนกระดูกที่ขุดพบไม่ใช่มนุษย์ ขณะเดียวกันเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายส่องศักดิ์ ในเรือนจำ วันจันทร์นี้ (25 ก.ย.) คดีร่วมกระทำผิดกับ น.ส.เจษฎา ภรรยาอีกคน
วันนี้ 23 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.บางเขน คณะทำงานคดีนายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี รวมถึงหารือแนวทางการสืบสวนแสวงหาพยานหลักฐาน หลังจากผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่ขุดพบบริเวณริมถนนพหลโยธิน ใกล้ซอยพหลโยธิน 56 ตามคำกล่าวอ้างของ น.ส.เจษฎา พบว่า ไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากนี้จะเป็นการแสวงหาข้อมูลจากสถานพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหาประวัติศพไร้ญาติ แต่เบื้องต้นได้ตรวจสอบจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โรงพยาบาลภูมิพล ในห้วงปีที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบข้อมูลดีเอ็นเอที่ตรงกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลจากรถเก็บขยะอีกทางหนึ่ง ซึ่งรถที่เก็บขยะในย่านดังกล่าวจะเก็บไปรวมไว้ที่ท่าแร้ง จากนั้นจะส่งต่อไปยังกำแพงแสน พร้อมฝากถึงประชาชนที่อาจจะพบเห็นเหตุการณ์หรือพบเห็นข่าวสารในการพบศพไร้ญาติในช่วงปี 2559 และปี 2561 ขอให้เข้าประสานข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ในทางการสืบสวนคดี
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า อีก 2 ศพ อยู่ระหว่างการติดตามหาหลักฐาน แต่สำหรับ 2 ศพที่เกิดขึ้นในบางซื่อ มีความชัดเจนในเรื่องของดีเอ็นเอแล้ว ในวันจันทร์หน้า (25 ก.ย.) จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายส่องศักดิ์ เพิ่มเติมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5 ข้อหา เช่นเดียวกับที่แจ้งต่อ น.ส.เจษฎา ผู้เป็นภรรยาและแม่ของเด็กที่เสียชีวิต ประกอบด้วย ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ลอบฝัง ซ่อนเร้นย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตายผู้ใด เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด และร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี ส่วนคดีค้ามนุษย์ พนักงานสอบสวนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว เบื้องต้นตัวเด็กยังไม่พร้อมจะพูดคุย
โดยในระหว่างนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อม ทั้งการสอบปากคำพยานไปจนถึงหลักฐานที่ได้จากสถานพยาบาลที่เด็กคลอด และยืนยันได้แล้วว่า เด็กเกิดมาในสภาพร่างกายปกติ จึงน่าเชื่อได้ว่า การที่เด็กมีสภาพร่างกายผิดปกตินั้นจากการทำร้าย โดยจะเข้าไปสอบปากคำนางสุนัน เพิ่มเติมถึงประเด็นนี้ด้วย
แต่ในการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จากพฤติการณ์นำภาพของเด็กมาโพสต์หาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ ขณะนี้มีผู้เข้าข่ายร่วมกระทำความผิด 2 คน คือ นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ซึ่งจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ส่วนในคดีที่นายส่องศักดิ์ร่วมกระทำความผิดกับ น.ส.สุนัน กรณีทำร้ายลูกจนเสียชีวิตและย้ายศพไปโบกปูนที่ จ.กำแพงเพชร ยังอยู่นะหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยเบื้องต้นว่าการสอบปากคำพยานแวดล้อมพบมูลเหตุจูงใจที่นายทรงศักดิ์มักจะก่อเหตุกับลูกผู้ชายแล้ว โดยนายทรงศักดิ์ไม่ชอบเด็กผู้ชายและไม่สามารถทนต่อเสียงดังได้ เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องจะโมโหร้ายและทำร้ายร่างกายลูก ส่วนลูกสาวที่มีกับนางสาวสุนัน และนายส่องศักดิ์ลงมือทำร้ายจนเสียชีวิตนั้น จากข้อมูลคือลูกสาวมีใบหน้าคล้ายผู้ชาย
ขณะที่ข้อมูลจากคำให้การของผู้เป็นพ่อให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน นายส่องศักดิ์เคยบังคับให้น้องสาวดื่มยาพิษ เมื่อน้องสาวขัดคืนก็ใช้มีดจี้บังคับ พอผู้พ่อเข้าห้ามปราม นายส่องศักดิ์ก็ทำร้ายด้วยการต่อยตี จึงตัดขาดสายสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่ภรรยาคนแรกให้ข้อมูลว่า นายส่องศักดิ์ใช้มีดจี้บังคับให้ไปจดทะเบียนสมรส ซึ่งหลังจดทะเบียนสมรสสำเร็จก็หย่าขาดจากกันและไม่ติดต่ออีกเลย.-สำนักข่าวไทย