ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน

ทำเนียบ 24 ธ.ค.-ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ


นายคารม กล่าว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 ได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2554 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อกำหนดมาตรฐานการควบคุม กำกับดูแล และคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน ให้ได้รับการปฏิบัติจากผู้จ้างงานอย่างเป็นธรรม แต่โดยที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านมีความมั่นคงในการทำงานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้ยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น

“งานที่รับไปทำที่บ้าน” หมายความว่า งานที่ผู้จ้างงานในกิจการอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม เกษตรกรรม งานบริการ มอบให้ผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อนำไปผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม แปรรูป ออกแบบ บริการ หรือจำหน่าย นอกสถานประกอบกิจการของผู้จ้างงานหรืองานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง และกำหนดให้ในกรณีที่ผู้จ้างงานไม่คืนหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงาน ไม่จ่ายค่าตอบแทน หรือไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟู สมรรถภาพและค่าทำศพ ให้ผู้จ้างงานเสียดอกเบี้ยให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านหรือทายาทที่มีสิทธิ แล้วแต่กรณีในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ 15 ต่อปี โดยหากผู้จ้างงานจงใจไม่คืนหรือจ่ายเงิน ดังกล่าวโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร ให้ผู้จ้างงานชำระเงินเพิ่มให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านหรือทายาทที่มีสิทธิแล้วแต่กรณีร้อยละ 15 ต่อปีของเงินที่ค้างจ่ายทุกระยะเวลา 7 วัน ทั้งนี้ หากผู้จ้างงานนำเงินที่จะต้องคืนหรือจ่ายดังกล่าวไปมอบไว้แก่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ให้ผู้จ้างงานไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่ผู้จ้างงานนำเงินไปมอบไว้ โดยกำหนดห้ามผู้ใดจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน และห้ามเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีทำงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของเด็กนั้น


ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งจัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 แล้ว รวมทั้งได้เสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวรวม 3 ฉบับ โดยออกเป็นกฎกระทรวง จำนวน 1 ฉบับ เป็นการกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกเป็นประกาศกระทรวงแรงงาน จำนวน 1 ฉบับ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน และออกเป็นประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จำนวน 1 ฉบับ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับเงินเก็บรักษาเงิน และการจ่ายงานที่ผู้จ้างงานมามอบไว้แก่อธิบดี ทั้งนี้ กฎหมายลำดับรองดังกล่าว มีกรอบระยะเวลาในการออกภายใน 1 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย