กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.-บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพการแข่งขันให้กับคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME สามารถผลิตสินค้าอาหารที่มีคุณภาพความปลอดภัยตามระบบมาตรฐานสากลขั้นสูงระดับโลก ติดอาวุธ SME มีความรู้เชิงลึกนำระบบจัดการสู่การปฏิบัติจริงในการผลิตสินค้า สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอาหารให้เกิดตลอดห่วงโซ่อุปทานการผลิตอาหารของซีพีเอฟ เพิ่มความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าและผู้บริโภคทั่วโลก หนุนคู่ค้า SME เข้มแข็งเติบโตไปด้วยกัน
ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านประกันคุณภาพกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด -19 ที่ประเทศทั่วโลกมีความเข้มงวดในการนำเข้าอาหารสูงขึ้น คู่ค้าธุรกิจซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลัก เป็นปัจจัยสำคัญของห่วงโซ่อุปทานอาหารซีพีเอฟในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและความปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้แก่ผู้บริโภค บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาถ่ายทอด แบ่งปันองค์ความรู้ และประสบการณ์ให้คู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการSME ซึ่งทำหน้าที่จัดหาวัตถุดิบหลักในกลุ่มเครื่องปรุง มีนวัตกรรม เครื่องมือ และความพร้อมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตวัตถุดิบโดยยึดแนวทางของวัฒนธรรมความปลอดภัยอาหาร (Food Safety Culture) และสอดคล้องตามมาตรฐานความปลอดภัยอาหารขั้นสูงระดับโลก อย่าง BRC FSSC 22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการผลิตอาหารที่ได้รับการยอมรับจากประเทศชั้นนำในสหภาพยุโรปอย่างกว้างขวาง ปลดล็อคข้อจำกัดด้านทรัพยากรและบุคลากรของ SME ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้าธุรกิจตามเป้าหมายของ “นโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืนและแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจ”
“การสนับสนุนให้คู่ค้าผู้ประกอบการ SME มีศักยภาพในการดำเนินการผลิตวัตถุดิบอาหารที่สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับบริษัทฯ เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและส่งมอบวัตถุดิบที่ปลอดภัยของซีพีเอฟ นับเป็นการสนับสนุนให้คู่ค้า SME มีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้น เพิ่มโอกาสทางการค้าเติบโตก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตในระดับโลกได้ต่อไป” ดร.สมหมายกล่าว
ทั้งนี้ วัฒนธรรมความปลอดภัยอาหาร (Food Safety Culture) ระบบการปกป้องอาหารให้ปลอดภัย ( Food Defense ) รวมถึงการป้องกันอาหารปลอม (Food Fraud) มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในธุรกิจอาหารให้มีความปลอดภัย มีความสำคัญต่อการจัดระบบการจัดการเพื่อความปลอดภัยด้านอาหารที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การควบคุม การติดตาม และการตรวจสอบ เพื่อให้คู่ค้าสามารถส่งมอบวัตถุดิบอาหารมีคุณภาพตามมาตรฐานระดับโลกขั้นสูงให้ CPF ได้ต่อเนื่อง ตอบรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารโลกที่เน้นเรื่องความปลอดภัยอาหารเพิ่มมากขึ้น
หน่วยงานประกันคุณภาพกลางด้านบริหารจัดการวัตถุดิบของ CPF ได้จัดฝึกอบรมสำหรับคู่ค้า SME โดยเป็นหลักสูตรพิเศษเฉพาะกลุ่มขึ้น พร้อมเปิดโอกาสให้ SME ได้ลงมือฝึกปฏิบัติจริงเกี่ยวกับวิธีการประเมินการสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านความปลอดภัยอาหาร รวมถึงสามารถประเมินปัจจัยทีมีผลกระทบต่ออาหารปลอมได้ ช่วยให้คู่ค้ามีความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ทีมงาน CPF ลงพื้นที่ตรวจประเมินความเสี่ยงในกระบวนการผลิตเครื่องปรุง พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดเพื่อให้คู่ค้า SME สามารถพัฒนาและปรับปรุงระบบมาตรฐานความปลอดภัย และการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบในกลุ่มเครื่องปรุงตลอดกระบววนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก ตลอดจนมีการพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความสามารถดำเนินการตามระบบและมาตรฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสู่ผู้ผลิตอาหารในตลาดโลก.-สำนักข่าวไทย