กทม. 20 ธ.ค.-“พล.อ.ณัฐพล” ยันกลาโหมเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ ไม่เกี่ยวถูกฝ่ายค้าน-การเมืองกดดัน แย้มบิ๊กทหารเกษียณ ห่วงเขียนสกัดรัฐประหารใน พ.ร.บ.กลาโหม ชี้มีโทษทางกฎหมายอาญาเป็นกบฏอยู่แล้ว คาดแล้วเสร็จ ก.พ.68
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบก ว่า เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้มาติดตามขับเคลื่อนนโยบายกองทัพ ทั้ง 11 ข้อ หลังผ่านไปแล้ว 3 เดือนว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะมีการติดตามทุกเรื่อง รวมไปถึงการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งตามนโยบายของนายภูมิธรรม ที่มีการปรับโครงสร้างและการเปลี่ยนผ่านระบบเกณฑ์ทหารไปสู่การสมัครใจ พร้อมย้ำว่า กระทรวงกลาโหม มีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพไปให้ได้ ซึ่งไม่ได้ทำเพราะฝ่ายค้านกระตุ้นหรือการเมืองกดดัน แต่ต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ และวันนี้ก็จะมาชี้แจงกับกองทัพบกให้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงการปฏิรูปกองทัพและการปรับลดบางส่วน แต่ขึ้นอยู่กับเหล่าทัพจะพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนประเด็นการปรับย้ายนายทหารที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า จากเสียงสะท้อนนายทหารที่จะเกษียณอายุราชการ ติดต่อเข้ามาว่าให้ช่วยทำความเข้าใจกับฝ่ายการเมืองว่าไม่มีความจำเป็น และไม่ควรมีข้อกำหนดในเรื่องของการปรับย้ายตามลักษณะที่ฝ่ายการเมืองกังวล ซึ่งก็รับความเห็นจากเหล่านั้นมาพูดคุยกับทางเหล่าทัพอีกที
พร้อมย้ำถึงการพิจารณาการแก้ไขร่างพ.ร.บ.กลาโหม ว่าจะต้องรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆไม่ใช่เฉพาะกลาโหมเท่านั้น เช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกฤษฎีกา
ส่วนประเด็นที่เป็นเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการป้องกันรัฐประหารที่อาจจะถูกเขียนไว้ในร่างพ.ร.บ.กลาโหม ก็มีอดีตนายทหารให้ข้อเสนอแนะว่าควรสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้เพราะไม่อยากให้มีข้อกำหนดเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และกฎหมายอาญา ได้มีการกำหนดไว้ว่าหากมีการปฏิบัติการก็ต้องเป็นกบฏ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมากำหนดในร่างพ.ร.บ.กลาโหม
ส่วนจะมีการหารือและพบกันครึ่งทางระหว่างฝ่ายทหารและการเมืองในประเด็นนี้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่าจริงๆ แล้ว คำว่าพบกันครึ่งทาง อาจจะไม่ได้พบกันครึ่งทางในประเด็นนี้ แต่ยังมีประเด็นอื่นๆ ว่าจะรับได้หรือไม่ได้
เมื่อถามว่าร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ที่มีการนำไปทบทวนจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้น พล.อ.ณัฐพล จำว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งจากการพูดคุยล่าสุด คาดว่า อย่างช้าภายในเดือน ก.พ. 2568 ทั้งนี้ ก็ได้มีการเร่งรัดไปแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนต้องสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในกระทรวงกลาโหม และฝ่ายความมั่นคง รวมไปถึงกฤษฎีกา จึงต้องให้หน่วยงานเหล่านี้ ตอบกลับในประเด็นนี้มาก่อน พร้อมต้องเชิญเหล่าทัพเข้ามาพูดคุย ซึ่งไม่ใช่ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมว่าอย่างไร ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะทุกอย่างต้องหารือร่วมกันทั้งหมด โดยเฉพาะเหล่าทัพ.-313.-สำนักข่าวไทย