กรุงเทพ 7 ธ.ค. – “กฤชนนท์“ ผู้ช่วยรัฐมนตรีคมนาคม รับหนังสือร้องเรียนจาก “สมาคมนักบินไทย” กรณีการจัดหาเครื่องบินแบบ Wet lease มาทำงานในไทย เผยเป็นเพียงการให้อนุญาตชั่วคราวเท่านั้น หวังรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร พร้อมแก้ปัญหาตั๋วบินแพง-ดึงความเชื่อมั่นเอกชนลงทุนเพิ่ม ยัน “คมนาคม” ให้ความสำคัญและสนับสนุนนักบินไทย
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (6 พฤศจิกายน 2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียนจากสมาคมนักบินแห่งประเทศไทย เรื่องขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง พิจารณาและทบกวนการให้สายการบิน อนุญาตให้นักบินต่างชาติที่มาพร้อมเครื่องบินที่สายการบินเช่า (Wet Lease) สามารถทำงานในไทยได้
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า การให้อนุญาตให้สายการบินทำการจัดหาเครื่องบินแบบ Wet Lease นั้น เป็นเพียงการให้อนุญาตชั่วคราวเท่านั้น โดยจะหมดสัญญาภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยการอนุญาตในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2562 จึงทำให้เครื่องบินของแต่ละสายการบิน มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้โดยสารที่ในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ขยายระยะเวลาบิน เพิ่มรอบเที่ยวบิน เพิ่มจำนวนที่นั่งแล้วก็ตาม แต่ราคาตั๋วยังคงอยู่ในระดับสูง
สำหรับการอนุญาตให้เครื่องบินแบบ Wet Lease ทำการบินในครั้งนี้นั้น ถือเป็นวิธีการที่เร็วที่สุด และสามารช่วยลดค่าตั๋วเครื่องบินได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การลดภาระค่าการเดินทางของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีการเติบโตอย่างชัดเจน สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสายการบินที่ต้องการลงทุนซื้อเครื่องบินเพิ่มในอนาคต เพื่อดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
นายกฤชนนท์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมยังคงให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการบินของประเทศและสนับสนุนนักบินไทย ซึ่งจากข้อมูล พบว่า ขณะนี้มีความจำเป็นและมีความต้องการเป็นอย่างมาก แต่ยังคงต้องหวังพึ่งพิงภาคเอกชนในด้านการลงทุนเครื่องบินเพิ่ม เพื่อให้เที่ยวบินมีความเพียงพอต่อผู้โดยสาร โดยกระทรวงคมนาคมจะติดตามทุกสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงกำชับให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ดำเนินการบริหารจัดการและติดตามด้านกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ให้เป็นไปตามหลักสากล และมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
ด้านนายธีรวัจน์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ขอขอบคุณกระทรวงคมนาคมและ CAAT รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เล็งเห็นถึงความสำคัญ และพร้อมที่จะเข้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งสมาคมฯ มีความกังวลในเรื่องของภาคีอนุสัญญาตามมาตรา 83 และไม่ต้องให้ประเทศไทยต้องติดธงแดงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ มีความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องของเครื่องบินที่ไม่เพียงพอในปัจจุบันนี้ แต่เชื่อมั่นว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังสามารถดำเนินการตามแบบแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด.-513-สำนักข่าวไทย