กรมสอบสวนคดีพิเศษ 2 ธ.ค.-“เคนโด้-แทนคุณ” ร้อง DSI ตรวจสอบรถของกลาง “สามารถ” โยงบริษัทจำหน่ายซิมชื่อดัง
นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ นำหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์อัลพาร์ท สีดำ ทะเบียน ส-0671 กทม. ของกลางที่ยึดได้จากบ้านโครงการหรูของนายสามารถ ผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.การฟอกเงิน มามอบให้ DSI ตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวใครเป็นผู้ครอบครองตัวจริง
นายเคนโด้ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวเหมือนจะเป็นรถประจำตำแหน่งของบริษัทจำหน่ายซิมยี่ห้อหนึ่ง ที่มีประเด็นชักชวนคนร่วมลงทุนอ้างจ่ายผลตอบแทนสูง 300% และยังพบมีทั้งดารา นักการเมือง ไปทำการตลาดให้ มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนจำนวนมาก
ประเด็นหลักคือ รถดังกล่าวทาง DSI บอกว่า เป็นรถของนายสามารถ ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ตนไปตรวจสอบมา ตนจึงอยากให้ DSI ตรวจสอบให้ลึก ว่านายสามารถไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ และต้องการให้บริษัทดังกล่าวออกมาชี้แจง ว่ารถเป็นของใคร เหตุใดนายสามารถถึงนำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง หรือ นายสามารถไปมีตำแหน่งอะไรในบริษัทหรือไม่ รวมถึงขอให้ตรวจสอบรถคันอื่นของนายสามารถอีก 4 คัน ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนยังไม่ได้บอกว่า บริษัทดังกล่าวผิด แต่อยากให้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน เพราะมีพฤติการณ์ระดมทุน จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนายสามารถหรือไม่ เพราะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เหมือนหยุดชะงักไปด้วย
นอกจากนี้ นายเคนโด้ และนายอี้ แทนคุณ ยังพานายหน่อง ผู้เสียหายที่ทางสอบสวนกลางพบเส้นเงินเกี่ยวข้องกับเงินหมุนเวียนจำนวน 100 กว่าล้านของบัญชีแม่นายสามารถที่เรียกมาสอบปากคำไปเมื่อสัปดาห์ก่อนมาพบสื่อมวลชน
โดยนายหน่อง บอกว่ารู้จักกับนายสามารถมาประมาณ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 แต่เมื่อเดือนเมษายน ปี 2566 เป็นช่วงที่นายสามารถ ดำรงตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรม ได้ทักมาชวนไปทำบุญวันเกิดนายสามารถ จึงโอนเงินร่วมทำบุญไป 10,000 บาท จากนั้นเดือนถัดมา นายสามารถได้ส่งรูปโบว์ชัวร์ธุกิจขายปุ๋ยของตนเองมา โดยอ้างว่ามีคนมาร้องเรียนกับนายสามารถ ว่า นายหน่องนำสารปรับปรุงดินมาทำเป็นปุ๋ยหลอกขายประชาชน ซึ่งนายหน่องยืนยันกับนายสามารถว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่กลับมีการขอค่าดูแลเดือนละ 50,000 บาท กระทั่งต่อรองเหลือ 30,000 บาท และยอมจ่ายไป เพราะรู้สึกกลัวเนื่องจาก นายสามารถส่งรูปไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ส่งลิ้งค์ข่าวของตัวเอง มาสร้างอำนาจบารมี ตนจึงยอมโอนไป ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 จนถึง กรกฎาคม 2567 ในทุกๆวันที่ 1 ของเดือน รวมถึงมีการให้ตนทำบุญร่วมเป็นประจำ โดยที่ผ่านมาตนคุยแชทกับนายสามารถมาตลอด และบัญชีที่โอนไปให้คือบัญชีของนางวิลาวัลย์ แม่ของนายสามารถ จึงเชื่อว่าเงินบัญชีของแม่นายสามารถที่มีเงินหมุนเวียนจำนวน 100 ล้านบาท น่าจะเป็นเงินของตนด้วยส่วนหนึ่งจึงมาร้องดีเอสไอเพื่อขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหาย และขอให้เจ้าของธุรกิจอื่นที่เคยกลัวและต้องโอนเงินให้นายสามารถแบบเดียวกับตนเปิดหน้าออกมา
ขณะที่นายแทนคุณ กล่าวเสริมอีกว่า พฤติกรรมของนายสามารถมีการไปแอบอ้างเทวดา เพื่อไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยแบ่งพฤติกรรมเป็น 3 ลักษณะคือ 1.อ้างมีการผู้ใหญ่ มีแบล็คดี มีเทวดาคุ้มครอง 2. ต้องจ่ายส่วยจ่ายค่าเซ่นเทวดา 3. มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายว่ามีคนมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือเมื่อได้ข้อมูลจากเสียหายก็จะไปคุยกับบุคคลอื่นเพื่อตบทรัพย์ ส่วนบริษัทที่สงสัย ว่าเป็นเจ้าของรถของกลางนายสามารถ ขณะนี้มีผู้เสียหายทยอยติดต่อมาขอให้ช่วยเหลือ บอกว่าวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ครบกำหนดนัดจ่ายผลกำไร หากไม่มีการจ่ายจริงก็จะมีผู้เสียหายออกมาแจ้งความร้องทุกข์อีกจำนวนมาก.-119-สำนักข่าวไทย