กรุงเทพฯ 28 พ.ย. – รมว.พาณิชย์ ถกสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ แก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญ และนอมินี ด้านอนุกรรมป้องกัน Nominee เร่งผลักดันตรวจถี่สินค้านำเข้าต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฏหมายไทยและจดทะเบียน VAT
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทองอยู่คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิก ได้เข้าพบเพื่อหารือนโยบายเกี่ยวกับการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ไทย รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญจากจีน โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) มีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โปร่งใส เพราะถือว่านอมินีทำลายธุรกิจ และเศรษฐกิจไทย
สำหรับในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กำหนดแผนมาตรการสำหรับการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีอย่างเข้มงวด กำหนดพื้นที่กลุ่มเสี่ยง แนวทางการตรวจสอบ และแผนการตรวจสอบ มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจและคัดกรองข้อมูลนิติบุคคล เน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง (โลจิสติกส์) แพลตฟอร์มออนไลน์ การให้เช่าโกดังสินค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและมีคนสัญชาติจีนร่วมถือหุ้นกับคนไทย โดยเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 โดยมีหนังสือให้ธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (15 เขต) อาทิ เขตสัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร บางรัก ห้วยขวาง คลองเตย เป็นต้น ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน
นอกจากนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย โดยสหพันธ์ฯ ได้มีหนังสือแจ้งประเด็นปัญหาและข้อหารือในระบบโลจิสติกส์ พร้อมนำส่งสรุปประเด็นการจดทะเบียน “นอมินี” ของทุนจีน และแจ้งข้อมูลรายชื่อบริษัทกลุ่มทุนจีน ซึ่งเป็นนิติบุคคลต้องสงสัยเป็น “นอมินี” เพื่อให้กรมฯดำเนินการตรวจสอบ และกรมฯ ได้เพิ่มการตรวจสอบในธุรกิจ e-commerce การขนส่ง และคลังสินค้า ล่าสุดวานนี้ (27 พ.ย.) นายนภินทร ได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) สรุปแนวทางการดำเนินงาน 3 ระยะ พร้อมทั้งจะมีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยว Nominee ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนและนักลงทุนไทยเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจและไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำผิดอีกด้วย
นายนภินทร กล่าวว่า แผนดังกล่าวจะช่วยหยุดปัญหาสินค้าไร้คุณภาพไหลเข้าประเทศ แบ่งประเภทสินค้าออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรม และกำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา ได้แก่ 1) บังคับใช้ระเบียบกฎหมายอย่างเข้มข้น ตรวจคุณภาพสินค้านำเข้าโดยละเอียด 2) ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการออนไลน์จากต่างประเทศเข้าระบบ 3) ผลักดันให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องจด VAT 4) ช่วยเหลือ SMEs ไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ผู้ประกอบการไทยมีตลาดใหม่ๆ ขายสินค้า และ 5) สร้างและต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น ผลักดันสินค้าไทยให้ออกไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของต่างชาติ
“การบังคับใช้กฎหมายจะเพิ่มความถี่ในการเปิดตู้สินค้า เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้า ตรวจสอบเว็บไซต์และสินค้าที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้เป็นไปตามกฎหมายไทย ต้องจด VAT กับกรมสรรพากรโดยเร็ว เพิ่มจำนวนตัวอย่างการเก็บสินค้าตรวจสอบสารพิษตกค้าง จัดกลุ่มสินค้าเกษตรตามความเสี่ยงของการพบสารพิษตกค้างมาตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ ให้ทราบผลภายใน 24 ชั่วโมง จะช่วยแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม คุ้มครองผู้บริโภค” นายนภินทร กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันให้สินค้าไทยมีมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติ นำไปสู่การเพิ่มสัดส่วน SMEs ต่อ GDP เป็น 40% ในปี 2570 . -511-สำนักข่าวไทย