เกาหลี 7 พ.ย.- ประธานรัฐสภาไทย ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า นำคณะผู้แทนรัฐสภาไทยและสภาสถาบันพระปกเกล้า เข้าหารือกับรองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ณ อาคารรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อกระชับความสัมพันธ์พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า ได้นำคณะผู้แทนรัฐสภาไทย และสภาสถาบันพระปกเกล้า ที่นำโดยนายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เข้าพบปะหารือกับ Hon.Mr. Lee Hack-young รองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ณ อาคารรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และเลขาธิการรัฐสภาเกาหลี พร้อมด้วย นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ให้การต้อนรับ
โดย รองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวต้อนรับประธานรัฐสภาไทยและคณะ พร้อมระบุว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ประธานรัฐสภาไทยและคณะได้ทางมาเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด โดยมีการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างกัน เช่น มีกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เกาหลีใต้ เป็นต้น พร้อมหวังว่าในการเดินทางมาเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมคาดหวังว่าในอนาคตความสัมพันธ์ในด้านต่างๆระหว่างกันทั้งในด้านอุตสาหกรรม ด้านกลาโหม ด้านวัฒนธรรม ด้านการท่องเที่ยว และด้านการแพทย์จะมีความเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยย้ำว่ารัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลีพร้อมจะให้ความร่วมมือในทุกด้าน
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ Hon.Mr. Lee Hack-young ที่ได้เข้ารับตำแหน่งรองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากที่ตนได้ดูประวัติการทำงานถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่น่ายินดีกับรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี พร้อมกล่าวว่าประเทศไทยกับสาธารณะรัฐเกาหลีมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งด้านรัฐบาล รัฐสภา รวมถึงประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาของไทย ก็ได้มาเยือนสาธารณรัฐเกาหลีทุกสมัยประชุม และได้รับการต้อนรับที่ดี รวมถึงเห็นการพัฒนาในทุกครั้งที่มา ทำให้ตนอยากมาเยี่ยมประเทศเกาหลีและรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ประกอบกับขณะนี้รัฐสภาของประเทศไทยกำลังพัฒนาทางการบริหารเทคโนโลยีและด้านการออกกฏหมายให้มีความทันสมัยเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จึงมองว่าประเทศเกาหลีเป็นประเทศแรกที่พัฒนาด้านกิจการสภาที่มีความก้าวหน้า จึงต้องการเรียนรู้และนำกลับไปพัฒนารัฐสภาไทย และในโอกาสต่อไปอาจจะส่งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในมาศึกษาในด้านต่างๆ เช่น ด้านข้อมูล สถาบันวิจัย การพัฒนากฎหมาย และด้านอื่นๆ ซึ่งรัฐสภาของประเทศไทยมีสถาบันหนึ่งสถาบันที่ควบคู่กับรัฐสภา คือสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งมีหน้าที่ในการพัฒนาประชาธิปไตยให้กับสมาชิกรัฐสภาและประชาชน รวมถึงข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อที่จะส่งเสริมด้านประชาธิปไตยให้ประชาชนมีความเข้าใจ พร้อมระบุว่าประเทศไทย พึ่งตั้งสถาบันพระปกเกล้ามากว่า 20 ปี จึงอยากจะพัฒนาสถาบันนี้ต่อไปควบคู่ไปกับรัฐสภา
นอกจากนี้ ประธานรัฐสภาไทย ยังได้กล่าวเชิญชวนประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี สมาชิกรัฐสภา และกลุ่มมิตรภาพไทย-เกาหลี เดินทางไปเยือนประเทศไทยในโอกาสที่เห็นสมควร พร้อมเชิญร่วมประชุม ณ ประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม IPU รัฐสภาโลก ที่มอบหมายให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม รัฐสภาภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกว่าด้วยความมั่นคงด้านสุขภาพระดับโลก ระหว่างวันที่ 2- 3 ธันวาคม 2567 นี้
อย่างไรก็ตามในการหารือระหว่างประธานรัฐสภาไทยและรองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการแลกเปลี่ยนกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการยุบพรรคการเมืองว่ารัฐสภาเกาหลีมีแนวทางอย่างไรที่ทำให้ไม่เคยมีการยุบพรรคการเมืองเลย พร้อมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการออกกฏหมายและการบริหารงบประมาณ ของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
โดยรองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวถึงโครงสร้างและกลไกสนับสนุนการทำงานของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ที่นอกจากจะมีประธานและรองประธานรัฐสภาแล้ว จะมีสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา สำนักงบประมาณรัฐสภา สถาบันวิจัยเพื่ออนาคต สำนักวิจัยนิติบัญญัติ และหอสมุดรัฐสภา พร้อมได้แลกเปลี่ยนถึงสัดส่วนของ สส. กรรมาธิการ และการออกกฏหมายของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ที่มีช่องทางเสนอเข้าสู่รัฐสภาได้ทั้งจาก สส. ประชาชน และกระทรวงต่างๆ
ทั้งนี้ภายหลังมีการหารือเสร็จสิ้น ได้มีการเยี่ยมชมอาคารรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และศึกษาเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาภายในห้องประชุมรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี จากนั้นได้ไปเยี่ยมชมห้องสมุดรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลีพร้อมรับฟังบรรยายเกี่ยวกับห้องสมุด เพื่อนำรูปแบบไปพัฒนาห้องสมุดของรัฐสภาไทยอีกด้วย .319.-สำนักข่าวไทย