รัฐสภา 17 มี.ค.- “วันนอร์” แจง 3 ข้อ ยึดมติศาลรธน. 29 มี.ค.67 ชี้หากรัฐสภาต้องการอยากรู้ทำประชามติกี่ครั้ง ถามศาลได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ชี้แจงต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า การที่ประธานรัฐสภา บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยึดคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ซึ่งมีหลักการ 3 ประการ คือ 1. รัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. รัฐสภามีอำนาจในการบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ3.ถ้ารัฐสภาต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ดำเนินการแล้วไปทำประชามติ ซึ่งตนบรรจุเพราะฝ่ายกฎหมายเห็นว่า เพราะคำว่าถ้ารัฐสภาต้อง หมายความว่าต้องพิจารณามาตรา 256 วาระที่1 ,2 และ3 ไปแล้ว นั่นคือความต้องการ แต่ถ้ายังไม่พิจารณา อยู่ๆ พรรคประชาชนก็เสนอร่างแก้ไข และพรรคเพื่อไทยก็เสนอ นั่นเป็นความต้องการของพรรคการเมืองเท่านั้น หรือประชาชนจะเสนอมาก็เป็นความต้องการของประชาชน
“ถ้าจะบอกว่ารัฐสภาต้องการ มันต้องประชุมและลงมติเท่านั้น ถึงจะถือว่ารัฐสภาต้องการ ถ้าเสอนร่างแก้ไขมา ก็ยังไม่ถือว่ารัฐสภาต้องการ ที่บอกว่าเสี่ยงว่าจะผิดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปี64 ต้องไปทำประชามติก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่มีคำว่าต้องการ อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐสภาแสดงความต้องการแล้ว ก็ยังจะไม่ไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยังไม่ไปเลือก ส.ส.ร. แต่เมื่อแสดงชัดเจนว่ารัฐสภาต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยผ่านมาตรา 256 ในวาระ 2 และ3แล้วก็จะไปถามประชามติจากประชาชนเสียก่อนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเลือกส.ส.ร. ถ้าประชาชนทั้งประเทศมีมติตามรัฐธรรมนูญว่าต้องการนั่นแหละจะเลือก ส.ส.ร. แต่ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ก็ไม่ต้องไปเลือก ส.ส.ร. และการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐสภาต้องการก็ต้องยุติ เพราะประชาชนไม่ต้องการ” นายวันมูหะมัดกล่าว
ประธานรัฐสภากล่าวว่า หากเราไม่ถาม แต่รัฐสภาต้องการ แล้วจะไปถามประชามติอย่างไร เพราะยังไม่รู้จะแก้กี่ขั้นตอน และถามประชามติครั้งหนึ่งต้องเสียงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเสียก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญเพราะหากประชาชนไม่ต้องการก็จบ หากประชาชนต้องการแล้วเรายังไม่มาถามรัฐสภาต้องการหรือไม่ ก็มาเข้าที่ประชุมรัฐสภาโดยกฎหมาย 2 ฉบับที่เข้าสภา และหากรัฐสภาบอกว่าไม่เอาด้วยหรือเสียงสว.ไม่ถึงเสียงก็ถือว่าร่างกฎหมายไม่ผ่านแต่เสียเงิน 3,000 ล้านบาทไปแล้วและเสียเวลาไปแล้วนี่คือสิ่งที่ฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาตัดสินใจโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567
“ถ้ารัฐสภาต้องการโดยไม่ขอมติที่ประชุมรัฐสภา แล้วจะมาบอกว่ารัฐสภาต้องการได้อย่างไร เพียงแต่ยังไม่ใช่พรรคการเมืองต้องการ หรือประชาชนต้องการ แต่ไม่เกี่ยวกับว่าวันนี้ เราจะมีมติไปถามศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่” ประธานรัฐสภา กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย