กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ “ตัวเงินตัวทอง-นกแอ่นกินรัง” เป็นสัตว์ที่เพาะเลี้ยงเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
การประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นประธานมีการพิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับสำคัญ ได้แก่ การกำหนดให้ตัวเงินตัวทอง เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ และการกำหนดชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองที่อนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังนกแอ่นได้ จากเดิมที่มีสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ 62 ชนิด จะเพิ่มตัวเงินตัวทองหรือเหี้ยเป็นชนิดที่ 63
การเพิ่มตัวเงินตัวทอง (Varanus salvator) หรือเหี้ยเข้าไปในรายการ เนื่องจากพบว่า ในปัจจุบันมีการเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์สวยงาม ถือเป็นสัตว์ที่มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หนังของเหี้ยมีลายละเอียด นุ่ม เหนียว ทนทาน มีการใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์เครื่องหนังอย่างกว้างขวาง ซึ่งเมื่อประกาศแล้วผู้ที่มีความสนใจในการประกอบกิจการเพาะพันธุ์สามารถขออนุญาตในการเพาะพันธุ์เหี้ย ทำผลิตภัณฑ์จากหนังเหี้ย และสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า สามารถผลักดันให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้มีโครงการศึกษาวิจัยการเลี้ยงและใช้ประโยชน์จากตัวเงินตัวทองเตรียมพร้อมไว้ระดับหนึ่งแล้ว ในส่วนของนกแอ่น ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดชนิดสัตว์ป่าคุ้มครอง 2 ชนิดได้แก่ นกแอ่นกินรัง (Aerodramus fuciphagus หรือ Aerodramus germani) และนกแอ่นหางสี่เหลียม หรือ ฝนกแอ่นรังดำ (Aerodramus maximus) ที่อนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในการใช้ประโยชน์จากรังนกแอ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถนำไปสู่การกำหนดหลักเกณฑ์ในกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น กฎหมายด้านอาคาร กฎหมายด้านสาธารณสุข เป็นต้น
ทั้งนี้ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งสองฉบับได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาตามกฎหมายของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงคณะอนุกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งสองฉบับเนื่องจากเห็นว่า การใช้หลักฐานและใบอนุญาตจะช่วยให้ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตง่ายขึ้น ตลอดจนฝ่ายกฎหมายได้คลายข้อกังวลในเรื่องที่อาจจะมีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
การออกประกาศทั้งสองฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสมดุลของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะดำเนินการศึกษาติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน. -512 – สำนักข่าวไทย