กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลเอกชนย่านบางนา ร้องกระทรวงยุติธรรม หลังถอนเงินฝากคืนไม่ได้
วันนี้(14 ก.ย.) ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม น.ส.มัลลิกา จรรยาพอจิต อายุ 51 ปี พร้อมด้วยผู้เสียหายจากการฝากเงินสหกรณ์ออมทรัพย์สุขภาพไทย 7ราย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านคดี และขอให้ช่วยจัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี เนื่องจากสหกรณ์ไม่จ่ายเงินเงินต้นและดอกเบี้ยคืนให้กับสมาชิก มีผู้เสียหาย 250 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3-4 ล้านบาท
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ตนเห็นป้ายโฆษณาสหกรณ์ออมทรัพย์สุขภาพไทย ภายในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านบางนา ระบุสิทธิสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกสามารถตรวจร่างกายฟรี 1 ครั้งต่อปี, สิทธิในการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลจากห้องพักรวมเป็นห้องพักคู่เมื่อฝากเงินขั้นต่ำ 30,000บาท และฝากเงิน 50,000บาทจะได้สิทธินอนห้องพักเดี่ยวฟรี หรือลดค่าห้องพัก
นอกจากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลสูงสุด 2 แสนบาท ซึ่งสมาชิกยังได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากด้วยในอัตราร้อยละ 0.50 ทำให้สนใจสมัครเป็นสมาชิกเพราะมารดาซึ่งเป็นคนไข้บัตรทองต้องเข้ารักษาที่ รพ.บ่อยครั้ง โดยฝากเงินไปทั้งหมด 8 ครั้ง รวม 4 แสนบาท ซึ่งมารดาก็ใช้สิทธินอนห้องพิเศษได้ตามที่โฆษณา ต่อมาเมื่อมารดาเสียชีวิต จึงได้ขอยกเลิกสิทธิทั้งหมดและจะถอนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนยังสามารถใช้กับสิทธิได้อยู่เมื่อเกษียณอายุ
ต่อมาทราบว่า ตนเองไม่สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ และสหกรณ์ไม่ยอมให้ถอนเงินคืน โดยอ้างว่าสหกรณ์ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินยักยอกทรัพย์และหนีไป ทางสหกรณ์แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความ เมื่อสอบถามไปที่สหกรณ์หลายครั้งจึงยอมคืนเงินให้พวกตน 33 รายที่ทราบเรื่อง โดยจะจ่ายเงินเป็นงวดๆ แต่ก็ได้รับเงินเพียงแค่ 2 งวด หรือ 37.5 เปอร์เซ็นต์ของเงินต้นเท่านั้น เมื่อสอบถามถึงเงินงวดที่ 3 ได้รับแจ้งว่าผู้บริหารให้ระงับการจ่ายเงินคืน รอดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่ยักยอกเงินเสร็จสิ้นก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมเจ้าหน้าที่การเงินรายนั้นได้ อีกทั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเกรงว่าจะไม่ได้เงินคืน จึงมาขอให้ช่วยเหลือ โดยได้ไปร้องเรียนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอแล้ว แต่ดีเอสไอแนะนำให้ไปแจ้งความก่อน
ด้านนายธวัชชัย กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมกองทุนยุติธรรมเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือค่าทนายความในการฟ้องแพ่ง และอาญา ในส่วนที่ร้องเรียนกับดีเอสไอไว้ หากมีมูลก็จะรับเรื่องไว้สอบสวนต่อ สำหรับ
ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะถูกหลอกขอให้มาร้องเรียนได้ที่ยุติธรรมจังหวัดได้ โดยจะจัดเจ้าหน้าที่รับเรื่องและส่งมาให้ส่วนกลาง.-สำนักข่าวไทย