07 ตุลาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลที่ถูกแชร์ :
มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัส RSV เผยแพร่ทาง Instagram ในสหรัฐอเมริกา ที่อ้างว่าการฉีดวัคซีนไวรัส RSV เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส RSV ไม่ต่างจากไข้หวัดทั่วไปและรักษาอย่างง่ายดายด้วยการใช้เครื่องพ่นละอองยา รวมถึงความเชื่อที่ว่ามีแต่เด็กเท่านั้นที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัส RSV
บทสรุป :
- แม้พบการระบาดในผู้ป่วยเด็กทุกปี แต่ไวรัส RSV ก็เป็นภัยต่อผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเช่นกัน
- ปัจจุบันมีวัคซีนไวรัส RSV 3 ชนิดที่ป้องกันผู้สูงอายุป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัส RSV
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นไวรัสชนิด RNA พบการติดเชื้อได้บ่อยในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน
โดยทั่วไปผู้ติดเชื้อไวรัส RSV จะมีอาการไม่ต่างจากการเป็นไข้หวัด เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก และเป็นไข้ อาการจะทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
แต่ในกรณีที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ปอดและหลอดลม อาจนำไปสู่อาการปอดอักเสบหรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบได้
สถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) ระบุว่า แต่ละปีมีประชากรโลกติดเชื้อไวรัส RSV ประมาณ 64 ล้านราย และเสียชีวิตจากการติดเชื้อปีละ 160,000 ราย
ไวรัส RSV คือ 1 ใน 3 Triple Demic ในช่วงฤดูหนาว
ดร.รีเบคกา ไชน์ ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อในเด็ก มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท สหรัฐอเมริกา เล่าว่า ไวรัส RSV คือส่วนหนึ่งของกลุ่ม 3 โรคระบาดในชื่อ Triple Demic (ร่วมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ) ที่พบการระบาดอย่างมากตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2022 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีผู้ป่วยมารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก
กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัส RSV มากที่สุดได้แก่เด็กและทารก ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า ประชากรเด็กอเมริกันเกือบทั้งหมดจะติดเชื้อไวรัส RSV ก่อนอายุ 2 ขวบ แต่ละปีจะมีเด็กอเมริกันอายุต่ำกว่า 5 ขวบรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัส RSV ประมาณ 58,000-80,000 ราย และมีเด็กอเมริกันอายุต่ำกว่า 5 ขวบเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส RSV ประมาณปีละ 100-500 ราย
ส่วนประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่ำ ผลวิจัยจากวารสาร Lancet เมื่อปี 2019 พบว่า มีทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือนเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส RSV ประมาณ 45,700 รายต่อปี
ไวรัส RSV เป็นภัยต่อผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว
อย่างไรก็ดี ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวก็เป็นกลุ่มเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัส RSV เช่นกัน
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า แต่ละปีมีชาวอเมริกันสูงวัยรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัส RSV ปีละ 60,000-160,000 ราย และเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัส RSV ปีละ 6,000-10,000 ราย
ไวรัส RSV ยังเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังอาการแย่ลง หรืออาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้เช่นกัน
2023 ปีแห่งการผลิตวัคซีนไวรัส RSV
เดือนพฤษภาคม 2023 องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติวัคซีนสำหรับป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่าง (LRTD) จากการติดเชื้อไวรัส RSV เป็นครั้งแรก ได้แก่ Arexvy ของบริษัท GSK และ Abrysvo ของบริษัท Pfizer
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า วัคซีน Arexvy ของบริษัท GSK ใช้สำหรับป้องกันโรค LRTD ในประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยแนะนำให้ฉีดในประชากรที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป หรือประชาชนอายุ 60-74 ปีที่เสี่ยงจะป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัส RSV
ส่วนวัคซีน Abrysvo ของบริษัท Pfizer ใช้สำหรับป้องกันโรค LRTD ในประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยแนะนำให้ฉีดในประชากรที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป หรือประชาชนอายุ 60-74 ปีที่เสี่ยงจะป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัส RSV
รวมถึงกลุ่มสตรีมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ระหว่าง 32-36 สัปดาห์ โดยตั้งครรภ์ในช่วงที่ไวรัส RSV แพร่ระบาดระหว่างเดือนกันยายน-มกราคม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกในช่วงแรกเกิดจนถึง 6 เดือน
โดยเดือนพฤษภาคม 2023 FDA ได้อนุมัติวัคซีนไวรัส RSV ชนิดที่ 3 ได้แก่ Mresvia ของบริษัท Moderna สำหรับประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเช่นกัน โดย CDC แนะนำให้ฉีดในประชากรที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป หรือประชาชนอายุ 60-75 ปีที่เสี่ยงจะป่วยหนักจากการติดเชื้อไวรัส RSV
Nebulizer ใช้ในการบรรเทาอาการจากการติดเชื้อไวรัส RSV เท่านั้น
ดร.แมรี ที.คาเซอร์ตา ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ และคณะกรรมการด้านโรคติดเชื้อจากสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) ระบุว่า เครื่องพ่นละอองยาหรือ Nebulizer จะใช้เพื่อบรรเทาอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส RSV แต่ไม่มีการศึกษาที่พบว่า การใช้เครื่องพ่นละอองยามีประโยชน์ในการลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัส RSV แต่อย่างใด
วัคซีนไวรัส RSV ป้องกันสุขภาพปอด
ดร.บาร์นีย์ เอส.แกรม ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยของสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) ที่ร่วมพัฒนาวัคซีนไวรัส RSV ชี้แจงต่อนิตยสาร Science ว่า นอกจากวัคซีนจะป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว เป้าหมายสำคัญของวัคซีนไวรัส RSV คือการส่งเสริมสุขภาพปอดของทารก หากทารกติดเชื้อไวรัส RSV และป่วยหนักตั้งแต่ยังเล็ก จะส่งผลต่อพัฒนาการของปอดและสุขภาพของปอดไปตลอดชีวิต วัคซีนไวรัส RSV จึงช่วยส่งเสริมสุขภาพปอดของประชาชน ซึ่งจะเห็นผลในอีกหลายปีต่อจากนี้
ข้อมูลอ้างอิง :
https://healthfeedback.org/claimreview/cdc-analysis-rsv-vaccines-data-showed-vaccines-safe-not-associated-excess-deaths-contrary-children-health-defense/
https://www.factcheck.org/2023/06/scicheck-instagram-post-misleads-about-pfizers-rsv-maternal-vaccine/
https://www.healthcentral.com/slideshow/myths-and-facts-about-respiratory-syncytial-virus
https://en.wikipedia.org/wiki/Respiratory_syncytial_virus_vaccine
https://en.wikipedia.org/wiki/Respiratory_syncytial_virus
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter