fbpx

“สุวัจน์” แนะเร่งทำแผนจัดการน้ำ เชื่อแนวโน้ม ศก.กระเตื้อง

พรรคชาติพัฒนา 21 ก.ย.- “สุวัจน์” แนะเร่งทำแผนโครงสร้างพื้นฐานจัดการน้ำ เชื่อแนวโน้มเศรษฐกิจกระเตื้อง หลังแจกหนึ่งหมื่นบาท-กองทุนวายุภักษ์-งบประมาณ 68 ออกใช้


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา และแกนนำของพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ว่าวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการหลายๆ อย่างที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มคนพิการ 140,000 ล้าน หรือในส่วนที่เกี่ยวกับตลาดทุนในตลาดหลักทรัพย์กับการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 150,000 ล้าน จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มากขึ้นและทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น หรืองบประมาณปี 2568 ตอนนี้ผ่านรัฐสภาไปแล้ว 3 ล้านล้าน เหมือนกับแม่น้ำ 3 สาย ที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าไปสู่พี่น้องประชาชนเข้าไปสู่การจ้างงาน เข้าไปสู่ภาคธุรกิจ ฉะนั้น 3 ส่วนนี้จะเป็นช่วงที่ทำให้เกิดการกระเตื้องขึ้นของภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปี

นอกจากนี้ มีข่าวดีที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ย 0.5% ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกและเป็นสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาหลังโควิดเกิดปัญหาหนี้สินกันเยอะและเกิดปัญหาเงินเฟ้อ เพื่อเป็นการควบคุมของโลกก็เลยขึ้นอัตราดอกเบี้ยมา 4 ปีไม่เคยลด ฉะนั้นการลดจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของคนทำธุรกิจถูกลง และเป็นการกระตุ้นการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของโลกให้กลับมาฟื้นตัว ให้กลับมาเข้มแข็ง ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี และเศรษฐกิจไทยก็ไปผูกกับเศรษฐกิจโลกจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามไปด้วย


จากนี้ไปคงจะเห็นความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ตลาดเงินต่างๆ การลงทุนต่างๆ ประเทศไทยก็จะได้อานิสงส์ และจะเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ประกอบการต่างๆ รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวจะดีขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้ผลรวดเร็ว เพราะการท่องเที่ยวไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกอาชีพ สร้างความเสมอภาคด้วยเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้ผลที่เร็วมาก หรือการที่เร่งจะมีนโยบายไทยเที่ยวไทย ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย เป็นการรักษาการไหลออกของเงินไปต่างประเทศ และแสดงออกถึงความรักชาติ ความชาตินิยม ไทยนิยม วันนี้ต้องเอาความไทยนิยม ชาตินิยม มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศ

ส่วนเสียงสะท้านเกรงว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลระยะยาวจะถังแตกหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น มีการลงทุนมากขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม ขยายฐานภาษีต่างๆ ที่เหมาะสมมันก็จะเป็นรายได้ของประเทศ

“เราต้องพยายามที่จะคิดหานโยบายใหม่ๆ สมมุติ นโยบายเร่งด่วนของประเทศ 10 เรื่อง มีอยู่ข้อหนึ่งที่ดีมากคือ นโนบายในการที่จะนำภาษีจากระบบธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษี คือ พวกที่อยู่ใต้ดินต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้มีอีกมากมายที่เราไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ อันนี้จะเป็นรายได้ใหม่ให้กับประเทศ” นายสุวัจน์ กล่าว


ส่วนประเด็นทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายสุวัจน์ เชื่อว่าประสบการณ์ต่างๆ ที่แต่ละคนมีคงจะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอในเชิงนโยบายต่างๆให้กับรัฐบาลให้กับนายกรัฐมนตรี

นายสุวัจน์ ยังกล่าวว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ เรื่องน้ำท่วม เรื่องน้ำแล้ง อุทกภัย แผ่นดินถล่มและความถี่ของการเกิดก็บ่อยขึ้น พื้นที่หลากหลาย เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต เชียงราย หนองคาย สถานการณ์จากภาคใต้สู่ภาคเหนือไปสู่ภาคอีสาน ตนคิดว่าสัญญาณต่างๆ เหล่านี้มีความถี่มากขึ้น มีความเสียหายทั้งชีวิตผู้คน ทรัพย์สินและความเสียหายทางเศรษฐกิจนับหมื่นนับแสนล้าน

ดังนั้น ตนคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราควรที่จะมีมาตรการหรือมีโครงการใหญ่ๆ เป็นแผนแม่บทในการวางโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัยหรือวาตภัยต่างๆ ที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศและลดความสูญเสีย จุดแข็งของประเทศไทย คือ เกษตร และเกษตรต้องการน้ำ เกษตรต้องน้ำไม่ท่วมและน้ำไม่แล้ง ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้และมีแผนแม่บทจัดทำเป็นวาระแห่งชาติ ในการป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัย วาตภัยต่างๆ ว่าจะบริหารจัดการน้ำอย่างไร จะมีการสร้างระบบระบายน้ำไปถึงมือเกษตรอย่างไร ระบบขนส่งน้ำหรือเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่จะสามารถรับน้ำไว้ป้องกันปัญหาน้ำแล้ง หรือการระบายน้ำต่างๆ ไปตามแม่น้ำ ลำคลอง เขื่อนต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม

“เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการทำอย่างจริงจัง ถ้ารัฐบาลได้หยิบยกเรื่องนี้มาทำมันจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาและยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ตอนนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพอเกิดขึ้นก็ไปช่วยกันแจกสิ่งของ ไปช่วยกันให้กำลังใจ แต่ถ้าจะถาวรตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องทำเรื่องนี้” นายสุวัจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคชาติพัฒนา พร้อมให้กำลังใจ นายกฯ แพทองธารในการบริหารประเทศให้สำเร็จ อย่างไร
นายสุวัจน์ กล่าวว่าตนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเป็นนายกรัฐมนตรีสุภาพสตรี และอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เราพูดกันมานานว่า อยากเห็นคนรุ่นใหม่เล่นการเมือง อยากเห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อยากเห็นผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ ฉะนั้นนายกฯ แพทองธารถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ไม่เคยอยู่ในวงการการเมืองมาก่อน และเข้าสู่การเมือง เป็นคนรุ่นใหม่มาจากภาคธุรกิจ อายุน้อยมากเพียง 38 ปี ถือว่านายกฯ แพทองธารเป็นตัวแทน เป็นภาพลักษณ์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะมาทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ

“อยากให้ท่านประสบความสำเร็จ เพราะถ้าท่านนายกฯ แพทองธาร ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหรือในการทำงานมันก็จะเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นภาพการเมืองใหม่ๆ เห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เห็นคนใหม่ๆ เข้าสู่ระบบการเมือง นี่คือ สิ่งที่จะเปลี่ยนฉากทัศน์ของการเมืองไทยว่าเราต้องการคนรุ่นใหม่ นักการเมืองเลือดใหม่” นายสุวัจน์ กล่าวและว่าเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี อยากให้ทุ่มเทการทำงานและประสบความสำเร็จในการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ
แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ต่างๆ หนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจก็คงจะต้องมีความร่วมมือช่วยกันทำงานกันอย่างเต็มที่

นายสุวัจน์ ยังกล่าวว่า ในการที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการปรับโครงสร้างรัฐบาล มีการจัดทัพพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลใหม่นำไปสู่เสถียรภาพของการเมืองที่เพิ่มขึ้นจาก 310 เสียง เป็น 320 กว่าเสียง ด้วยหลักสนับสนุนของพรรคการเมืองรวมกันแล้วกว่า 10 พรรคกับเสียงของรัฐบาลที่มีมากขึ้นอย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลได้ว่าเสถียรภาพในรัฐบาลไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงเสียงในสภา ไม่ต้องห่วงองค์ประชุม ขอให้รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้เต็มที่ โดยเฉพาะในนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ฉะนั้น ทั้ง 10 ข้อต้องผลักดันให้ได้โดยใช้เสถียรภาพทางการเมือง ตนว่าพี่น้องประชาชนก็จะพึงพอใจ

ตอบข้อถามถึงปัญหานักร้องต่างๆ จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นไปตามกติกา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้กติกา เพียงแต่ว่ารัฐบาลจะต้องระมัดระวังให้มาก เหมือนกับมีคนตรวจสอบในเรื่องของการตรวจสอบที่มีมากขึ้น นักร้องก็เป็นหนึ่งในกระบวนการของการตรวจสอบ ในการทำทุกอย่างต้องมีความระมัดระวังกัน แต่ตนเชื่อว่าเรามีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง มีนโยบายที่ดีที่เหมาะสม มีความร่วมมือกันเพื่อให้การปฏิบัตินำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายร่วมกัน

ส่วนรัฐบาลนี้ครบเทอมแน่นั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า รถออกจากบ้านไม่มีใครรู้หรอกจะมีอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ตามฟอร์มรถดี สภาพดี .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย