กรุงเทพฯ 5 ก.ย. – ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก คนขับรถบรรทุกคลั่งไล่ชนดะทั้งคนและรถบนถนนย่านพระราม 4 รอผลตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์-สารเสพติด ก่อนแจ้งข้อหาเพิ่ม ขณะที่แพทย์เผยคนขับรถบรรทุกคลั่งปอดติดเชื้อ เพราะสำลักน้ำคลองช่วงหนีลงน้ำ
ความคืบหน้ากรณีนายวัลลภ อายุ 43 ปี คนขับรถบรรทุก เกิดคลุ้มคลั่ง ขับรถไล่ชนดะทั้งคนและรถบนถนนย่านพระราม 4 ขณะที่ตำรวจพยายามควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ แต่กลับถูกคนขับรถบรรทุกใช้อาวุธมีดฟันจนต้องล่าถอย ก่อนตำรวจตัดสินใจยิงปืนใส่ยางรถบรรทุกเพื่อสกัดการหลบหนีแต่ไม่เป็นผล นายวัลลภยังสามารถขับรถหนีขึ้นทางด่วนไปได้
เผยนาทีรถบรรทุกคลั่งหนีสุดชีวิต
ส่วนนายวัลลภได้ขับรถหนีไปในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนจอดรถทิ้งไว้บริเวณริมคลองบางน้ำจืด ต.บางโฉลง อ.บางพลี แล้วกระโดดลงคลองว่ายน้ำหนี โดยกอดโฟมลอยคอไปตามลำคลอง ขณะที่ตำรวจและผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปพยายามตะโกนเกลี้ยกล่อมให้นายวัลลภมอบตัวแต่ไม่เป็นผล ก่อนจะพบว่านายวัลลภหนีเข้าไปซ่อนตัวในท่อระบายน้ำโรงงานแห่งหนึ่ง จึงปิดล้อมพื้นที่ พยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว โดยต่อโทรศัพท์ให้คุยกับลูกสาวของนายวัลลภ แต่ไม่สำเร็จ นายวัลลภบอกกับลูกสาวว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะขับรถชนคนตาย และยังพยายามใช้เชือกร่มที่ห้อยพระอยู่รัดคอตนเอง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจบุกชาร์จตัวออกมาได้ในที่สุด
ขณะที่วันนี้ภรรยาของนายประวิทย์ วินจักรยานยนต์รับจ้างที่เสียชีวิตจากการถูกคนขับรถบรรทุกคลั่งเฉี่ยวชน เดินทางมารอรับศพที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในทุกๆ วันสามีจะเป็นคนไปรับลูกที่โรงเรียนด้วยตนเอง หากไปช้าจะแจ้งครูประจําชั้น แต่วันเกิดเหตุครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่ายังไม่มีผู้ปกครองมารับลูก ตอนแรกตนก็เอะใจ เพราะปกติสามีจะไปรับลูกเองทุกวัน ขณะนั้นทราบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแถวโรงพยาบาลกล้วยนํ้าไท แต่ไม่คิดว่าเป็นสามีตนเอง กระทั่งตํารวจติดต่อมาบอกว่าสามีตนเสียชีวิตแล้ว ยอมรับเสียใจมาก เพราะสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ส่วนตัวมองว่าเหตุแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนอกจากสามีตนที่ต้องเสียชีวิต ยังมีคนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลูกค้าที่ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ของสามีตนขณะเกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าตอนนี้อาการยังสาหัสเช่นกัน นอนพักรักษาอยู่ที่ห้องไอซียู
ตั้งแต่เกิดเรื่องทางญาติของผู้ก่อเหตุยังไม่มีการขอโทษหรือติดต่อเข้ามาแต่อย่างใด มีเพียงบริษัทประกันของรถคันก่อเหตุเท่านั้นที่ติดต่อมาพูดคุย พร้อมขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ครอบครัวหรือญาติผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยหรือขอโทษ และรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากฝากอะไรถึงสามีหรือไม่ ภรรยาระบุว่า “ไม่ต้องห่วงลูก และอย่าผูกเวรผูกกรรมกับใคร”
ทั้งนี้ หลังจากครอบครัวรับศพเสร็จจะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อทําพิธีเชิญดวงวิญญาณไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดมักกะสัน โดยจะมีพิธีสวด 3 คืน และฌาปนกิจในวันอาทิตย์
นอกจากนายประวิทย์ที่เสียชีวิต เหตุการณ์รถบรรทุกคลั่งครั้งนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน คือ น.ส.พรพรรณ คนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายประวิทย์ ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ หลังจากเมื่อวานนี้เข้ารับการผ่าตัดนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีอาการบาดเจ็บแขนขวาหัก นิ้วนางข้างซ้ายแตก มีแผลที่ข้อเท้าและตามตัว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ตอนนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ส่วนผู้บาดเจ็บอีกคนคือ นายสมนึก เป็นคนเดินเท้า รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ล่าสุดญาติระบุว่านายสมนึก ยังคงอาการหนัก และยังคงรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู
แพทย์เผยรถบรรทุกคลั่งสำลักน้ำคลอง ทำปอดติดเชื้อ
นายวัลลภ คนขับรถบรรทุก หลังถูกจับกุมกู้ภัยนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลบางพลี แต่ทางผู้ก่อเหตุมีประกัน จึงย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ถ.เทพารักษ์ เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่าปอดติดเชื้อ เนื่องจากสำลักน้ำคลองช่วงที่หลบหนี ต้องนอนดูอาการ 1 คืน ทาง สภ.บางพลี ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเฝ้าควบคุมและใส่เครื่องพันธนาการ หากแพทย์ลงความเห็นให้กลับบ้านได้จะประสานส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ท่าเรือ ต่อไป
ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนักโชเฟอร์รถบรรทุกคลั่ง
พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุจะต้องพิจารณาแบ่งเป็นหลายพื้นที่ ทั้ง สน.ท่าเรือ สน.ทองหล่อ และ สน.คลองตัน มีทั้งข้อหาขับรถเฉี่ยวชนให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต, เฉี่ยวชนรถยนต์ให้ได้รับความเสียหาย, หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้ตำรวจ สน.ท่าเรือ ส่งหนังสือเพื่อขอให้แพทย์ตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นผลจะออกภายใน 3 วัน หากพบมีปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดจะดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม หลังจากนี้จะรวมสำนวนคดีทั้งหมดมาไว้ที่ สน.ท่าเรือ โดยมีคณะกรรมการกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นผู้กำกับดูแล เนื่องจากเกิดเหตุครอบคลุมในหลายพื้นที่
เบื้องต้นจากการซักถามข้อมูลจากลูกยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ แต่ต้องเชิญตัวมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพิ่มเติม ส่วนประวัติของผู้ก่อเหตุพบว่าในปี 2560 มีคดียาเสพติดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต .-สำนักข่าวไทย