กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – บล.เอเซีย พลัส มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน ก.ย.67 ไว้ที่ 1,300-1,400 จุด หลังเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ทั้งการเมืองไทย คาด FED ลดดอกเบี้ย
บล.เอเซีย พลัส มองว่า ปัจจัยการเมืองเมืองไทยที่ขรุขระเริ่มราบเรียบขึ้น พร้อมกับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อแบบไม่มีสุญญากาศ หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำ พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัยฯ วางเป้าหมายดัชนีปี 2567 อยู่ที่ 1,450 จุด และหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยทุกๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่แนวโน้มกำไร ไตรมาส 3/67
“หากนโยบายรัฐบาลใหม่ เดินหน้าต่อแบบไม่มีสุญญากาศ โดยงบประมาณปี 67 และ 68 ไม่สะดุด หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำคาด GDP 2H67 เติบโต 3.5% (GDP 1H67 +1.9%) พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ส่วนความเสี่ยงในเดือนนี้ต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดเห็นว่าน่าจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนปี 2554 เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนและปริมาณน้ำฝน ยังน้อยกว่าปี 2554 มาก ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน 1H67 อยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท เติบโต 3.9%YOY กำไรช่วง 2H67 ประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 27%YOY และจากฐาน 2H66 ที่ต่ำ 4.6 แสนล้านบาท ส่วน FUND FLOW เป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะเป็น Momentum ไหลเข้าต่อเนื่อง ทั้งจากสถาบันในประเทศที่มีแรงเสริมจากกองทุน TESG ใหม่ และกองทุนวายุภักษ์ใหม่ และนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยซื้อหุ้นไทยต่อจากโอกาสเกิด Recession ลดลง, การฟื้นตัว เศรษฐกิจชัดขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าจากส่วนต่าง ดอกเบี้ยสหรัฐและไทยค่อยๆ แคบลง หนุนให้นักลงทุนต่างชาติได้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม” ฝ่ายวิจัยฯ ระบุ
ในเดือน ก.ย. คาดนโยบายการเงินโลกผ่อนคลายแบบเต็มสูบ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง และน่าจะลด 0.75 – 1% ในช่วงเวลาที่เหลือของปี เหลือ 4.5%-4.75% หนุนให้ค่าเงินเอเชียและบาทแข็งค่าขึ้น และเม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามช่วงต้นเดือน รอดูตัวเลขภาคตลาดแรงงาน ณ 6 ก.ย. ถ้าอัตราการว่างงานใน เดือน ส.ค.67 ออกมาตามตลาดคาด 4.2% จะทำให้ตัวชี้นำ Recession รวมถึงรอติดตามการดีเบตของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ใน 10 ก.ย.นี้. -511-สำนักข่าวไทย