กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – หุ้นไทยเปิดบวกต่อเช้านี้ เชื่อมั่นเสถียรภาพการเมือง ชี้หากเปลี่ยนดิจิทัลฯ เป็นจ่ายเงินสด จะส่งผลจีดีพีโตขึ้นกว่าเดิม ด้านเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 34.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.34-34.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ ณ เวลา 10.10 น. เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ
นส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุน เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดจากงานสัมมนาประจำปีที่ แจ็กสัน โฮล เพื่อประเมินสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะและขนาดการปรับลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะในรอบการประชุมเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงแข็งค่ากลับมาบางส่วนตามการย่อตัวกลับมาของราคาทองคำในตลาดโลก และรอติดตามผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.25-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ของสกุลเงินเอเชีย ประเด็นทางการเมืองและสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือน ก.ค.
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมากกว่าที่ประเมินไว้ ทว่าเริ่มเห็นสัญญาณว่า การแข็งค่าขึ้นดังกล่าวของเงินบาทอาจชะลอลงบ้างในช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ หลังความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยทยอยคลี่คลายลง ทำให้ในเบื้องต้นเราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 34.30-34.40 บาทต่อดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าวได้จริง จะเปิดโอกาสให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ทดสอบจุดแข็งค่าสุดในปีนี้ แถว 34.10 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ด้านหุ้นไทย เปิดตลาดบวกต่อ และเวลา ประมาณเวลา 10.54 น. เคลื่อนไหวที่ 1,331.85 บวก 8.47 จุด
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ยังเป็น sentiment เชิงบวกจากการรายงาน GDP ไทย ไตรมาส 2/67 ของไทยออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับความคาดหวังในการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดชุดใหม่เข้ามาทำงานและขับเคลื่อนนโยบายได้เร็ว ทำให้นักลงทุนคลายกังวล และมีความมั่นใจมากขึ้น คาด ครม.ใหม่ ยังสานต่องานเดิม ทั้งเงินกองทุนวายุภักษ์ และเงิน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยิ่งหากปรับเงิน ดิจิทัลเป็นการแจกเงินสดยิ่งจะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ไวกว่าเดิม เพราะเงินจะหมุนได้ไวทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เร็วกว่าดิจิทัลวอลเล็ต
“จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลังเป็นใครก็ตาม ก็คาดว่านโยบายกระตุ้นที่มีผลต่อตลาดทุนทั้ง วายุภักษณ์ และเงินดิจิทัลที่อาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ก็จะเดินหน้าต่อ ซึ่งยิ่งวายุภักษณ์ออกมาได้เร็ว 1-1.5 แสนล้านบาท ก็จะยิ่งพยุงตลาดหุ้น ที่ขณะนี้ราคาหุ้นถูกกมากถูกกว่าช่วงโควิดเสียอีก ค่าพี/อีก็ต่ำ ผลประกอบการก็ทรงตัว และยิ่งหากเฟดลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจดีขึ้น ก็คาดว่าดอกเบี้ยไทยก็จะลดตามไปด้วยเป็นผลดีต่อต้นทุน บจ.ต่างๆ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน บล.กรุงศรีคาด SET วันนี้ “Up” ต้าน 1332/1340 จุด รับ 1315/1305 จุด โดยสถานการณ์เงินบาทปัจจุบันที่แข็งค่าเร็ว และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี จากปัจจัยบวก 1.) Overhang การเมืองคลายตัว 2.) เศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปีจะดีขึ้นกว่าครึ่งแรก 3.) ท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปลายปี 4.) สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยเร่งกว่าไทย จะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่มีหนี้สินสกุลต่างประเทศสูงๆ อาทิ กลุ่มพลังงาน น้ำมัน โรงไฟฟ้า สายการบิน กลุ่มที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ สื่อสาร กลุ่มจำหน่ายอุปกรณ์ไอที กลุ่มรับเหมา. -511- สำนักข่าวไทย