เนปยีดอ 31 มี.ค. – เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมา ซึ่งเสียหายหนักจากแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 เมื่อวันศุกร์ เผชิญแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวรอบใหม่ ขนาด 5.1 ช่วงบ่ายวานนี้ ขณะความพยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังเดินหน้าต่อเนื่อง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเกิน 1,700 ราย
สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอสรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่ขนาด 5.1 ในเขตมัตตารา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมา เมื่อเวลา 15.38 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ชาวบ้านในเมืองอมราปุระ ซึ่งอยู่ติดกับเขตมัตตารา บอกกับผู้สื่อข่าวบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือ บีบีซี แผนกภาษาเมียนมาว่า แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวรอบนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.7 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายงานความเสียหายเพิ่มเติม
ในส่วนของความพยายามกู้ภัยและค้นหาผู้สูญหายจากซากอาคารที่เสียหายจากแผ่นดินไหวยังคงดำเนินต่อไป โดยวานนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมียนมาสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมาได้อีก 4คน หลังติดอยู่ใต้ซากอาคารโรงเรียนที่พังถล่มในเขตทางเหนือของภูมิภาคสะกายนานเกือบ 60 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังช่วยหญิงคนหนึ่งที่ติดอยู่ใต้ซากกลุ่มอาคารที่พักอาศัย 4 หลังความสูง 11 ชั้นในเมืองมัณฑะเลย์ ที่พังถล่มนาน 30 ชั่วโมง จนถึงขณะนี้ สามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารแห่งนี้ได้แล้ว 29 คน ใน ส่วนร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่พบแล้ว 9 ศพ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่กาชาดสากลระบุว่า อาจมีผู้คนมากกว่า 90 คนติดอยู่ใต้ซากอาคารดังกล่าว
บรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ในเมียนมาตั้งแต่วันศุกร์ ต้องนอนรักษาตัวในพื้นที่เปิดโล่งที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในกรุงเนปิดอว์ หลังจากแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ทำให้อาคารของโรงพยาบาลได้รับความเสียหาย เครื่องมือทางการแพทย์ไม่อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัยที่จะรับผู้ป่วยหรือบาดเจ็บ เข้าไปรักษาภายในอาคารโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ย้ายหอผู้ป่วย ออกไปอยู่ด้านนอกอาคารโรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัย ส่วนรถบริการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ 2 คัน ถูกส่งไปดูแลรักษาผู้บาดเจ็บในเหตุแผ่นดินไหวและผู้ป่วยอาการหนักอื่นๆ
เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา ก่อความเสียหายอย่างหนักในหลายภูมิภาค ทั้งมัณฑะเลย์ พะโค มะเกว รัฐฉาน สะกาย และกรุงเนปิดอว์ สหประชาชาติหรือยูเอ็น เผยด้วยว่า แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมียนมาในรอบหลายปี สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรวมทั้งสนามบิน ทางด่วนและสะพาน ทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมดำเนินไปอย่างล่าช้า ส่วนสถานีโทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวี (MRTV) ของกองทัพเมียนมา รายงานว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ในวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาล่าสุด เพิ่มเป็นกว่า 1,700 รายแล้ว บาดเจ็บเกือบ 3,500 คน ขณะที่อีกอย่างน้อย 300 คนยังสูญหาย คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกมาก
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมายอมเปิดทางให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากต่างประเทศหลายร้อยคนเข้าประเทศตั้งแต่วันเสาร์ เพื่อช่วยเหลือในปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายตามใต้ซากอาคารบ้านเรือนที่พังถล่มในหลายพื้นที่ โดยคณะช่วยเหลือและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากอินเดีย จีน ฮ่องกง และไทย เดินทางถึงเมียนมา พร้อมส่งความช่วยเหลือไปให้เมียนมาด้วย เช่นเดียวกับ มาเลเซีย สิงคโปร์และรัสเซีย ที่ส่งทีมช่วยเหลือถึงเมียนมาเช่นกัน ส่วนทีมกู้ภัยเกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม พร้อมรับคำสั่งเดินทางไปยังเมียนมาทันที
ขณะเดียวกัน ทีมผู้เชี่ยวชาญร่วมจากกองทัพและกระทรวงกลาโหมอิสราเอล เดินทางถึงกรุงเทพเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ไทยในภารกิจกู้ภัยจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวแม้อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางเกิดแผ่นดินไหวถึง 1,000 กิโลเมตร โดยเฉพาะเหตุอาคาร 33 ชั้นที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่ม มีคนงานติดอยู่ในซากอาคารหลายคน โดยเริ่มภารกิจด้วยการประเมินสถานการณ์และแบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย.-815.-สำนักข่าวไทย