เมืองทองธานี 31 ส.ค.- สปส. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจาก นายจ้าง ผู้ประกันตนครั้งแรก เพื่อนำข้อเสนอแนะไปปฏิรูประบบบำนาญชราภาพให้เหมาะสม
น.ส.อำพันธ์ ธุววิทย์ พูดตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น เรื่องการปฏิรูประบบจากผู้ที่มีส่วนข้อง อาทิ นายจ้าง ผู้บริหารข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 รวมกว่า 250 คน เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจในหลักการเกี่ยวกับระบบบำเหน็จบำนาญและสถานการณ์ปัจจุบันของกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพพร้อมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการและแนวทางเลือกในการปฏิรูประบบบำนาญประกันสังคมที่คณะกรรมการประกันสังคมเห็นชอบ ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ก่อนนำผลประชาพิจารณ์ที่ได้แต่ละครั้งมารวมรวบให้ได้ขอสรุป เพื่อนำมาปรับปรุงเป็นแนวทางในการปฏิรูประบบประกันสังคมให้เหมาะสม
โดยทางเลือกในการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ ที่ได้เปิดเวทีรับฟัง ได้แก่ การขยายอายุเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60 ปีแบบขั้นบันได ซึ่งมา 3 แนวทาง คือ ผู้ประกันตนที่ยังไม่ถึงอายุเกษียณ แต่ไม่สามาถทำงานได้ มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชดเชย หากอายุครบได้รับเงินบำนาญ หรือผู้ประกันตนสามารถเลือกรับเงินบำเหน็จไปส่วนหนึ่งก่อน เมื่อครบอายุเกษียณจะได้รับเงินบำนาญในจำนวนที่ลดลง หรือเลือกขยายอายุเกษียณเฉพาะผู้ประกันตนใหม่
ส่วนผู้ประกันตนเดิมสามารถเลือกรับสิทธิบำเหน็จส่วนหนึ่งก่อน แต่เมื่อครบอายุเกษียณจะได้รับเงินบำนาญ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรืองของการปรับปรุงสูตรค่าเฉลี่ยในกรคำนวณเงินบำนาญชราภาพ โดยการเพิ่มฐานเงินเดือน มาตรา 33 ฐานต่ำสุด จาก 1,650 บาท เป็น 3,600 บาท และฐานเงินสูงสุด จาก 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท ส่วนมาตรา 39 จากฐานเดิมคือ 4,800 เป็น 7,200 บาท ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นด้วยและทางเลือกสุดท้ายคือ การดึงคนเกษียณอายุเข้าสู่ระบบประกันสังคม ส่งเงินสมทบเพื่อให้ได้สิทธิโยชน์ต่างๆ ต่อไปด้วย
ขณะที่นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทยที่ร่วมประชาพิจารณ์ครั้งนี้ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางเลือกที่สำนักงานประกันสังคมได้เสนอมา แต่ยังติดใจที่เรื่องการขยายอายุเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60 ปีที่เสนอมาและขั้นบันไดในส่วนของลูกจ้างมองว่า อยากให้เพิ่มอายุเกษียนพร้อมกันทั้งประเทศ แบบครั้งเดียว ไม่ควร ขยายแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะปัจจุบันรัฐได้กำหนดอายุเกษียณเป็น 60 ปี แล้วเช่นเดียวกับสถานประกอบการอีกหลายแหล่ง เพราะหากขยายอายุแบบขั้นบันได ผู้ประกันตนก็ยังคงได้รับผลกระทบเช่นเดิม เพราะอายุ 55 จนถึง 60 ปี ส่วนใหญ่ยังคงทำงานได้ ต้องกลายเป็นคนว่างงาน ทางที่ดีเสนอให้ขยายจรถึงอายุ 65 ปีเลยยิ่งดี ส่วนการเพิ่ม,านเงินเดือนในการคำนวณเฃินบำนาญ ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่าถือเป็นเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุด มีเงินสะสมเพิ่มขึ้นคือ ผู้ประกันตน ที่มีความมั่นคงในชีวิตหลังเกษียณมากขึ้น
ทั้งนี้ การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีการเปิดเวทีรับฟังทั้งหมด 12 ครั้ง ในส่วนภูมิภาค 10 ครั้งและกรุงเทพมหานคร 2 ครั้ง โดยครั้งต่อไปจะเริ่มในวันที่ 6 กันยายนนี้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา .-สำนักข่าวไทย