ทำเนียบ 30 ก.ค.- นายกฯ เตรียมประชุมแก้น้ำท่วมที่กรมชลประทาน 5 ส.ค.นี้ กำชับ “ธรรมนัส” แก้พื้นที่ท่วมซ้ำซาก มอบ ก.เกษตรฯ แถลง 7 มาตรการ แก้ปลาหมอคางดำ เร่ง มท.-สตช.-ป.ป.ส.ปราบยาเสพติด ขยายผล 25 จังหวัด มอบ ดีอี-สตช. ตั้งคกก.ปราบอาชญากรรมไซเบอร์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน หลายพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องและพบปัญหาน้ำท่วม จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานความมั่นคงบูรณาการทำงาน ในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ภาคตะวันออก และรายงานว่าสถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้อยู่ แต่จะลงไปตรวจในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะมีปัญหาที่หนักกว่า จึงควรมีการเตรียมความพร้อมรับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก
นายกฯ ยังกล่าวว่าในสัปดาห์หน้า ในวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมนี้ ตนจะไปประชุมบูรณาการแผนการจัดการน้ำ ระยะสั้นระยะกลาง และระยะยาว ที่กรมชลประทาน เพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในต่างจังหวัด พร้อมสั่งการให้กระทรวงกลาโหมทำงานร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้จัดกำลังพลทหาร เข้ามาช่วยดูแลเรื่องน้ำท่วม แต่ในสิ่งอื่นใดต้องมีการไปดูในพื้นที่ท่วมซ้ำซาก จะป้องกันได้ดีกว่าหาทางแก้ไขภายหลัง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงาน ครม. ถึงการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ โดยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ พร้อมเสนอร่างการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งหมด 7 มาตรการ ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว โดยกระทรวงเกษตรฯ จะแถลงรายละเอียดในวันนี้
นายกรัฐมนตรี ยังแถลงว่า ได้มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการการปราบอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพื่อแก้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากที่ตนได้ไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทาง สตช. ได้ขอความช่วยเหลือมาว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่ใหญ่ ไม่ใช่แค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง กระทรวงดีอีและกระทรวงต่างๆ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องมีการติดต่อบริเวณชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาอยู่ จึงต้องตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการร่วมกัน
นอกจากนี้ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งบูรณาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 เดือน ใน 25 จังหวัด เป้าหมายเพื่อเตรียมขยายผลไปจังหวัดอื่นๆ ตลอดจนพิจารณาการให้รางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการสำเร็จเป้าหมาย อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเช้านี้ได้มีการประชุมไปหลายจังหวัดทำได้เกินเป้า บางจังหวัดต่ำกว่าเป้า รวมทั้งได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้กำชับจังหวัดไหนที่ต่ำกว่าเป้าให้เร่งดำเนินการ ส่วนเรื่องรางวัลนำจับ ซึ่งจะต้องนำมาแก้ไขและปรับปรุงให้เกิดแรงจูงใจแก่เจ้าหน้าที่ด้วย เมื่อมีการจับมากขึ้น มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินเจ้าหน้าที่จึงต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมในการป้องกันปราบปราบจับกุมเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ
พร้อมกันนี้ ครม. เห็นชอบที่กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ที่เสนอผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลศาสตร์ปีการศึกษา 2566 ถึง 2570 เพื่อผลิตพยาบาลวิชาชีพในระดับปริญญาตรีให้เพียงพอรองรับศักยภาพด้านการสาธารณสุขของประเทศในทุกภาคส่วน โดยตั้งเป้าหมายพยาบาลเกือบ 16,000 คน กรอบวงเงิน 7,000 ล้านบาท เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะขาดแคลนบุคลากรทางด้านการพยาบาล ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วโลก และพยาบาลของเราที่ผลิตได้น้อยก็ถูกดึงตัวออกไปจากระบบราชการ ไปสู่ระบบเอกชน และถูกดึงตัวข้ามประเทศไปที่อื่นด้วย ซึ่งปัญหาสังคมสูงวัยโยงไปถึงนโยบายหลักอิกไนท์ไทยแลนด์เรื่องเวลล์เนส ภาคของพยาบาลมีความต้องการสูงมาก จึงขอบคุณกระทรวง อว. ที่เร่งในเรื่องนี้ออกมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการดำเนินการโครงการสินเชื่อ SME Green Productivity จำนวน 15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนขั้นต่ำ และมีสภาพคล่องที่พอเพียงในการปรับปรุง จำนวน 15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งเงินทุนขั้นต่ำ และมีสภาพคล่องที่พอเพียงที่สามารถในการปรับปรุงกิจการ ขยายธุรกิจธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและการบริการ รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ถือเป็นมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจหนึ่ง พร้อมกับอีกหลายมาตรการ ที่กระทรวงการคลังเสนอมา
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอการขอรับการจัดสรร งบกลางเป็นค่าดำเนินงานโครงการมวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ ปี 2567 จำนวน 275 ล้านบาท เพื่อยกระดับมวยไทย จากศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติ สู่ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวระดับโลก โดยจะมีการจัดหลักสูตรมวยไทย อบรมผู้ตัดสินและผู้ฝึกสอน ตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานสมรรถนะครูผู้ฝึกสอนการแข่งขันมวยไทย ทั้งในและต่างประเทศ จัดขยายกิจกรรมเผยแพร่ มวยไทย ตรวจรองรับค่ายมวยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ใช่เป็นแค่ Soft Power อย่างเดียว เพราะกีฬามวยไทยเป็นเรื่องที่ชาวโลกรู้จักดีเหนือสิ่งอื่นใดมีคำว่าไทยอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นการจะบิดเบือนว่ามาจากประเทศไหนอะไร คงไม่สามารถถกเถียงได้ แต่ก็อาจมีกีฬาที่มีความคล้ายกับมวยไทย ก็ต้องระมัดระวัง เพราะฉะนั้นเราเป็นเจ้าของมวยไทยอยู่แล้ว พูดได้อย่างเต็มปาก จึงได้เสนอให้นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ไปว่าควรจะมีองค์กรเกี่ยวกับฟีฟ่าของมวยไทยขึ้นมากำกับ ให้รู้ว่าเป็นกีฬาของคนไทยเราเป็นคนริเริ่มและเป็นผู้จัดยกระดับภายในประเทศขึ้นเป็นระดับสากลให้ได้
และ ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพในต่างประเทศกลับเข้ามาทำงานในประเทศ โดยกระทรวงการคลัง เสนอจะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลูกจ้างผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนของนายจ้างด้วยที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการดึงผู้ที่มีความชำนาญและมีศักยภาพจากเมืองนอกเข้ามา.314.-สำนักข่าวไทย