ปักกิ่ง 6 พ.ย.- นักวิเคราะห์แสดงความเห็นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า จีนจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ขัดแย้งกันมากขึ้นกับสหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า ทั้งในประเด็นการค้า เทคโนโลยี และความมั่นคง นายตง จ้าว นักวิชาการอาวุโสของกองทุนบริจาคคาร์เนกีเพื่อสันติภาพสากลมองว่า จีนคาดว่าการแข่งขันจะคู่คี่สูสี แม้ชัยชนะของทรัมป์ไม่ใช่สิ่งที่จีนต้องการ แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง ผู้นำจีนคงจะพยายามรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวฉันมิตรกับทรัมป์ ควบคู่ไปกับการพยายามแผ่ขยายอำนาจและความแข็งแกร่ง สิ่งที่จีนกังวล คือ รัฐบาลทรัมป์จะฟื้นสงครามการค้าขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งจะเร่งการตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นภัยต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองของจีน ดังนั้นจีนน่าจะเดินหน้าผลักดันการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจให้มากขึ้น และกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่นอย่างรัสเซียมากยิ่งขึ้น ด้านนายไบรอัน หว่อง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกงคาดว่า จีนจะเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับประเทศในซีกโลกใต้ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะได้เป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐมีนโยบายแยกตัวโดดเดี่ยว ต่อต้านกระแสโลกานุวัตรและพหุภาคี ส่วนนายเซิน ติงลี่ นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่นครเซี่ยงไฮ้ชี้ว่า รัฐบาลโจ ไบเดนใช้ไต้หวันกดดันจีนอย่างหนัก ด้วยการส่งทหารไปประจำการและจำหน่ายอาวุธให้ไต้หวัน เป็นนโยบายที่แตกต่างอย่างมากจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก คาดว่ารัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 จะไม่สนับสนุนไต้หวันในลักษณะนี้ ทั้งนี้ทรัมป์เคยกล่าวว่า ไต้หวันควรจ่ายให้สหรัฐที่ให้ความคุ้มครองป้องภัย และกล่าวหาไต้หวันว่าแย่งธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ไปจากสหรัฐ.-814.-สำนักข่าวไทย