สโมสรกองทัพบก 25 ก.ค.- นายกฯ เผย ผบ.ตร. เตรียมบินไปกัมพูชาสัปดาห์หน้า ตั้งคณะทำงานร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอส่งตัวคนไทยที่ร่วมขบวนการกลับมาดำเนินคดี พร้อมกำชับ ผบช.น.เข้มจีนเทา บอก ป้ายโฆษณาซื้อขายพาสปอร์ตคืบหน้า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการร่วม ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เรื่องนี้สืบเนื่องจากที่ตนเองเดินทางไปที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และได้มีการสั่งการให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตามแนวชายแดน ซึ่งตนเองก็ได้พูดคุยกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเช้าวันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 10:00 น. พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้หารือกับพลตำรวจเอกซอ เทต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา คาดว่าสัปดาห์หน้า จะเดินทางไปที่กัมพูชา เพื่อขยายผลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้เราให้ความสำคัญ
ส่วนที่ขณะนี้มีกลุ่มสีเทาแฝงเข้ามากับนักท่องเที่ยวจะต้องมีการเฝ้าระวังเรื่องนี้มากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำอยู่ตลอด และเพิ่งได้เจอกับ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการกำชับเรื่องจีนสีเทา และมีการขยายผลเรื่องการติดป้ายโฆษณา ซื้อขายพาสปอร์ต 4 สัญชาติที่แยกห้วยขวาง ซึ่งตนเองยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะจะเสียรูปคดี ยืนยันว่าเรื่องนี้มีความคืบ
ส่วนสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่มีความผันผวนมาก และมีการผ่านถ่ายสินค้าทั่วโลกเข้ามาได้ เป็นเรื่องของการแข่งขันทางการค้า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งได้มีการออกมาตรการด้านการเก็บภาษี (VAT) ที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ออกมาตรการไปแล้ว ตู้รวมถึงการตรวจเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์อย่างถี่ถ้วน เชื่อว่าทุกคนทำอย่างเต็มที่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X ถึงเรื่องความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ว่า “จากการหารือของผมและท่านฮุน มาแนต นายกฯ กัมพูชา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งต่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไทยหารือร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง วันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ประเทศได้ประชุมร่วมกัน มีความคืบหน้าไปมากครับ
ฝ่ายไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับกัมพูชา โดยเฉพาะข้อมูลทางคดีที่ตำรวจไทยออกหมายจับคนไทยที่ไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยังหลบหนีอยู่ในกัมพูชา โดยขอให้ทางการกัมพูชาจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย
ทั้งนี้ ไทยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 จุด และขอให้ทางกัมพูชาสืบสวนจับกุม พร้อมขยายผลถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่ร่วมขบวนการดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันก็ขอขอบคุณฝ่ายกัมพูชาที่ร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามที่ไทยให้ข้อมูล ทั้งนี้ทางกัมพูชายังได้ขอให้ไทยช่วยสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งตำรวจทั้ง 2 ประเทศ จะตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานร่วมกันที่กัมพูชาในช่วงต้นสิงหาฯ นี้ครับ” .-316 -สำนักข่าวไทย