fbpx

เสนอตั้ง กก.ตรวจสอบระดับชาติ ปมป้ายโฆษณาทำพาสปอร์ต-เปลี่ยนแปลงสัญชาติ

กทม. 22 ก.ค.- ปธ.กมธ.ตำรวจ ยกเจ้าของโพสต์ป้ายโฆษณา ทำพาสปอร์ต-เปลี่ยนแปลงสัญชาติ สร้างแรงกระเพื่อม ทำให้หลายหน่วยงานต้องชี้แจง ตอกย้ำกลุ่มทุนจีนสีเทากำลังสร้างอิทธิพลในประเทศไทย เสนอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบระดับชาติ มีนายกฯ – มท. – กต. – ตร. ร่วมทำงาน หวังลดภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นฐานกระทำผิดของกลุ่มทุนจีนสีเทา


นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณสี่แยกห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เป็นภาษาจีน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการรับจ้างทำพาสปอร์ตและดำเนินการเปลี่ยนแปลงสัญชาติต่างๆ ว่า ต้องขอขอบคุณบุคคลที่นำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนมีประชาชนตั้งข้อสงสัย และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องขยับแสดงท่าทีถึงเรื่องนี้

ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นว่า การที่อยู่ดีๆ จะขึ้นป้ายซื้อขายพาสปอร์ตและจ้างทำสัญชาติแต่ละประเทศนั้นจะต้องมีคนที่มีส่วนกับการขออนุญาตเกี่ยวข้องแน่นอน และด้วยสามัญสำนึกแล้ว เนื้อหาบนป้ายโฆษณา เป็นการซื้อขายข้อมูลเอกสารที่ส่งผลต่อความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ แต่ทำไมผู้อนุญาตให้ขึ้นป้ายกลับปล่อยปละละเลยให้มีการขึ้นป้ายอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้


นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องไม่ลืมคือ กรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาในประเทศไทย นอกจากจะมีการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายทั่วประเทศแล้ว กลุ่มทุนจีนสีเทาขณะนี้ยังได้เกาะกลุ่มยึดพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเขตอำนาจอิทธิพลที่ได้ยึดครอง โดยเฉพาะบริเวณเขตห้วยขวางที่กำลังจะกลายเป็นฐานปฏิบัติการของคนกลุ่มนี้ การที่ขึ้นป้ายโฆษณาว่าสามารถทำพาสปอร์ตและเปลี่ยนแปลงสัญชาติในหลายประเทศได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นฐานอาชญากรรมของพวกกลุ่มทุนจีนสีเทา และเป็นการตอกย้ำถึงกระบวนการต่างๆ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย การขอสัญชาติ การขอพาสปอร์ต การดูแลเอกสารสำคัญ เป็นต้น มีความหละหลวม และมีช่องโหว่เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ในเบื้องต้นจึงอยากเรียกร้องให้ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะต้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ของเขตว่า ทำไมจึงปล่อยให้มีป้ายโฆษณาในลักษณะเช่นนี้ และควรมีบทลงโทษกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นป้ายดังกล่าว ต่อมาทางสถานีตำรวจห้วยขวาง ควรที่จะลงมาดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังถึงกรณีที่เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสวัสดิภาพของประชาชนในละแวกนั้น เพราะการที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้กลุ่มทุนจีนสีเทามาอยู่อาศัยเป็นฐานปฏิบัติการในการกระทำผิดกฎหมายนั้น ถือเป็นเรื่องที่คนไทยมีความคาดหวังว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มากกว่าจะยินยอมให้กลุ่มทุนจีนสีเทา ยึดพื้นที่มาเคลื่อนไหว และในส่วนระดับชาติ ตนจึงอยากให้มีการเสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนและวางมาตรการถึงเรื่องดังกล่าว โดยเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีบุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย ในเรื่องของการขอสัญชาติ และดูแลเกี่ยวกับการอนุญาตขึ้นป้ายโฆษณา กระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องการขอพาสปอร์ต และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น เพื่อดำเนินการควบคุมและไม่ให้กลุ่มทุนจีนสีเทา มีอำนาจอิทธิพลในประเทศไทย ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ และไม่ให้สร้างภาพลักษณ์เสียหายต่อประเทศด้วย

“กรณีนี้ผมต้องยกย่องเจ้าของโพสต์ที่อาจจะถ่ายรูปป้ายโฆษณาและเกิดความสงสัยว่า ป้ายนั้นมีข้อความอย่างไร แต่เมื่อใช้เครื่องมือแปลภาษาปรากฏว่า เป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลต่อความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดแรงกระเพื่อม จนมีหลายหน่วยงานออกมาชี้แจง และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงพื้นที่สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ผมในฐานะประธานกรรมาธิการการตำรวจ ฯ จะเกาะติดประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีประชาชนในหลายพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และตามต่างจังหวัด ร้องเรียนมาว่าได้รับผลกระทบจากกลุ่มทุนจีนเทา จนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขได้ ซึ่งการขึ้นป้ายว่า สามารถทำพาสปอร์ตและเปลี่ยนแปลงสัญชาติได้นั้น ถือเป็นการยกระดับการกระทำผิดของกลุ่มทุนจีนสีเทา ถึงขั้นสามารถทำเอกสารและปลอมแปลงข้อมูลสำคัญของแต่บุคคลได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างถึงระดับนานาชาติ ดังนั้น ผมจึงอยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าได้ละเลยประเด็นนี้ เพราะเชื่อว่ากลุ่มทุนจีนสีเทากำลังจะสร้างประเทศไทยให้เป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับคนไทยและประเทศชาติในอนาคตอันใกล้” นายชัยชนะ กล่าว .-319 สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง