กทม. 19 ก.ค.- พปชร.เลือดไหลไม่หยุด “สัณหพจน์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ยื่นลาออกสมาชิกพรรค หลัง “สกลธี” ไขก๊อกก่อนหน้า
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และอดีตสส. นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วโดยมีผลทันที โดยนายสัณหพจน์ ได้เดินทางเข้าขอบคุณพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกราบลา ก่อนยื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการ โดยให้เหตุผลว่าต้องการพักผ่อนกับครอบครัว ไม่ได้ย้ายไปสังกัดกับพรรคการเมืองใด
โดยเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “ผมขอลาออกจาก พปชร. ขอบคุณ “ลุงป้อม” ที่ให้โอกาสทำงาน และมีความเมตตากับผมเสมอมา วันนี้ (19 ก.ค.2567) ผมได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว
โดยผมได้เดินทางเข้าพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกราบขอบคุณและกราบลาท่าน ก่อนยื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการ
ในโอกาสนี้ผมต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ได้ไว้วางใจให้ผมทำงานเป็นกำลังหลักในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือน มี.ค.64 และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ท่านก็ได้ไว้วางใจแต่งตั้งให้ผมเป็น รองเลขาธิการพรรคพปชร.
พร้อมกันนี้ผมขออนุญาตเป็นตัวแทนพี่น้องลุ่มน้ำปากพนัง ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ได้ประสานงานอนุมัติงบประมาณในการขุดลอกแม่น้ำปากพนัง วงเงินจำนวน 147 ล้านบาท และงบช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกครั้งที่ผ่านมา”
สำหรับนายสัณหพจน์ หรือ ดร.ชัย คนลุ่มน้ำปากพนัง เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่ปี 2561 ได้ลงสมัคร สส. และชนะการเลือกตั้งเป็นสส. เขต 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2562จนถึง 2566 แต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2566 ไม่ได้รับเลือก จากนั้นพลเอกประวิตร ได้แต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการพรรคพปชร. และไว้วางใจให้ดูแลฐานเสียงหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้
ทั้งนี้ การลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสัณหพจน์ แกนนำภาคใต้ เกิดขึ้นภายหลัง นายสกลธี ภัททิยกุล แกนนำกทม.พปชร. ลาออกได้เพียง 1 วัน
อย่างไรก็ตาม นายสัณหพจน์ ยังได้แสดงความคิดเห็น ต่อกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งจังหวัดสว่างแดนดิน และจังหวัดทุ่งสง โดยเฉพาะจังหวัดทุ่งสง ว่าตนไม่เห็นด้วยต่อแนวความคิดที่จะจัดตั้งจังหวัดทุ่งสงขึ้นมาใหม่ โดยแยกตัวออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะ ส.ส.สามารถใช้กลไกของสภาฯ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ของตนเองให้มีความเจริญร่วมกับแนวทางอื่นได้ ไม่ใช่การจัดตั้งจังหวัดใหม่เพื่ออ้างอิงการกระจายความเจริญผ่านการปกครองและงบประมาณเมื่อมีการแยกเป็นจังหวัด และตนไม่อยากเห็นจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ตั้งแต่ในอดีต ต้องลดสถานะลงมาเป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ.-315 -สำนักข่าวไทย