กรุงเทพฯ 3 ก.ค.- ก.พลังงาน พร้อมด้วยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า, อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยและภาคีเครือข่ายชั้นนำด้านพลังงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมเปิดงาน “ASEAN Sustainable Energy Week & Electric Vehicle Asia 2024” หรือ “EVA 2024” ปูพรมจัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมจากอุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำทั่วโลก หนึ่งเวทีระดับภูมิภาคที่รวบรวมห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายพลังงานไว้มากที่สุด เพื่อพาอุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ “Net Zero”
ดร.สมภพ พัฒนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้วางเส้นทางสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยคำนึงถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตหรือตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งในปีนี้ได้เตรียมประกาศใช้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP 2024 โดยได้ปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าให้มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 50% ภายในปี 2037 ซึ่งเป็นการก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดให้กับไทยอย่างชัดเจน แผนดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในการปรับใช้และปรับตัวให้กับภาคอุตสาหกรรมในมิติของพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีเตรียมความพร้อมปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลง และเชื่อมโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเปลี่ยนผ่านจากพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงพลังงานในการนำพา ”ประเทศไทยให้มีความมั่นคงด้านพลังงาน มุ่งเน้นพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2023 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเกือบ 14 ล้านคันหรือคิดเป็น 18% ของรถยนต์ที่ขายทั้งหมดในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2022 กว่า 35% ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาจะกระจุกตัวอยู่ที่จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ขณะที่ไทยมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 12% ของยอดขายทั้งหมด และเมื่อเทียบกับยอดขายกับปี 2022 เพิ่มขึ้นเกือบ 690% โดยปัจจัยบวกที่สำคัญของอัตราการเติบโตดังกล่าวคือ มาตรการเชิงนโยบาย ซึ่งไม่เพียงแต่จูงใจ ภาครัฐของไทยวางแผนดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ให้มาลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ นี่ถือเป็นสัญญาณที่มีแนวโน้มดีสำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดใหม่ในปีที่ผ่านมา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกล่าวโดยสรุปได้ว่าปี 2023 เป็นปีแห่งการเติบโตในประเทศไทยเช่นกัน จากเทรนด์ดังกล่าวทางสมาคมฯ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และสานต่อการจัดงาน Electric Vehicle Asia (EVA) กับภาคีเครือข่ายด้านพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้าในทุกปี และสำหรับ EVA 2024 ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “EV Ecosystem Transformation Towards Net Zero” หรือ การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 ซึ่งไฮไลต์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยด้านยานยนต์ไฟฟ้า และ การประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech ที่รวบรวมหัวข้อเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ อย่างครอบคลุม สมาคมฯ เชื่อมั่นว่า เวทีดังกล่าวนี้นอกจากรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ยังเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทยได้เห็นภาพระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Eco System ทั้งระบบเพื่อนำไปต่อยอดในภาคการผลิตอันนำมาสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่หรืออุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ในอนาคต
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่าการจัดงาน ASEW 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยได้รวบรวมเทคโนโลยีล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำด้านพลังงานกว่า 1,500 รายทั่วโลก และพาวิเลียนนานาชาติ อาทิ ATESS, DELTA, ABB, AIKO SOLAR, BCPG, HITACHI ENERGY, SCG, SMA, SOLAREDGE, SOLIS, TESLA ENERGY เป็นต้น และเพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของพลังงาน จึงขยายงานด้านระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage Asia โดยงานนี้จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้งาน ASEW มีความครบทุกด้านของพลังงานสะอาด รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานล่าสุดจากบริษัทชั้นนำระดับโลก มากไปว่านั้นยังได้ขนทัพองค์ความรู้การจัดสัมมนาเชิงลึกด้านพลังงานจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันประสบการณ์ พร้อมกันนี้ยังมีโซนจัดแสดงพิเศษจากหน่วยงานและบริษัทชั้นนำร่วมให้ความรู้และคำปรึกษาครอบคลุมทุกด้านของพลังงานสะอาด มั่นใจว่า เวทีนี้จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างไร้รอยต่อเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศ และมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในภาคอุตสาหกรรมของภูมิภาค. -517-สำนักข่าวไทย