บช.น. 21 มิ.ย. – น.1 สั่งตรวจสอบด่วน เหตุสื่อนำเสนอคลิปวางตู้ม้าในพื้นที่ สภ.บางบอน ปฏิเสธคลิปกรณีดังกล่าวเป็นการเข้าจับกุมของตำรวจ ลั่นหากพบท้องที่ฝ่าฝืน จัดหนัก ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ทันที
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)ได้ชี้แจงถึงกรณีสื่อนำเสนอข่าว มีเนื้อหาในทำนองที่ทาง บช.น. ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเปิดวางตู้พนันไฟฟ้าในพื้นที่ สน.บางบอน และเขตพื้นที่ บก.น.9 นั้น กรณีดังกล่าวได้รับรายงานเหตุตามลำดับชั้นที่ต้องรายงานด่วนตามกฎตามระเบีบบของ บช.น. โดยได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่สื่อนำเสนอพร้อมคลิปภาพว่า การจับกุมตู้พนันไฟฟ้า ในเขตพื้นที่ สน.บางบอน พร้อมข้อความ เป็นการเข้าไปตรวจยึดตู้พนันไฟฟ้าในเขตพื้นที่ สน.บางบอน ทราบว่าเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และยังพบอีกหลายจุดชี้ให้เห็นว่าในพื้นที่ตำรวจนครบาล 9 เคยมีความพยายามปล่อยให้มีตู้พนันไฟฟ้า แต่ผู้กำกับการบางรายในพื้นที่ ไม่เข้มงวดจับกุมตรวจยึด ต้องเรียกร้องไปถึง “บิ๊กจ้าว” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ส่งทีมสืบสวนความจริง
จากการสืบสวนกรณีดังกล่าวได้รับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษไว้เป็นคดีอาญา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 13.20 น. จากการสืบสวนทราบว่า มีการลักลอบเล่นการพนันตู้เกมสล็อตไฟฟ้า ภายซอยเอกชัย 94 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบกล่องลักษณะเกมไฟฟ้าเป็นฝาปิดประกบ ขณะตรวจพบยังไม่ได้มีการเสียบปลั๊กไฟแต่อย่างใด จึงได้ให้ผู้ดูแลอยู่บริเวณดังกล่าวเสียบปลั๊กเครื่องและสาธิตการทำงานให้ดู ปรากฏตามคลิป แต่เนื่องจากขณะตรวจสอบเครื่องยังไม่ได้มีการเปิดทำงาน จึงยังไม่ได้มีการจับกุมผู้ใด เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสิ่งของที่มีไว้เพื่อการกระทำความผิด จึงได้ตรวจยึดมาเพื่อทำการตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ของผู้ชำนาญการ หากเป็นความผิดจะได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
จากกรณีดังกล่าวเป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ซึ่งมีนโยบายให้เข้มงวดกวดขัน ห้ามมิให้มีการลักลอบเล่นการพนันทุกประเภทในเขตพื้นที่ ซึ่งนอกจากนี้แล้วในเขตพื้นที่ สน.บางบอน ไม่ปรากฏการกระทำในลักษณะดังกล่าวอีกแต่อย่างใด หากพบว่า สน.ใดฝ่าฝืนหรือปล่อยปละละเลย จะดำเนินคดีทางปกครองตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 และกฎหมายอาญาตาม ม.157 อย่างเด็ดขาด ขอให้ประชาชนได้จงมั่นใจ จะไม่มีการละเว้นทุกกรณี และหากพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 191.-420-สำนักข่าวไทย